Monday, August 29, 2022

วัตตขันธกะ : อุปัชฌายวัตร

 

คำตรัสจากพระโอษฐ์ พระพุทธเจ้า

เรื่อง วัตตขันธกะ : อุปัชฌายวัตร
 



อุปัชฌายวัตร * * * ( 1 )  


( เนื้อหาข้างล่างนี้ มีเลขอ้างอิง ( บรรพ ) ในพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับหลวง เป็นเลขที่ : 438 )  


       ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นแล เราจักบัญญัติอุปัชฌายวัตรแก่ สัทธิวิหาริก /////  ทั้งหลาย โดยประการที่สัทธิวิหาริกทั้งหลาย พึงประพฤติเรียบร้อยใน อุปัชฌายะ /////  



( เนื้อหาข้างล่างนี้ มีเลขอ้างอิง ( บรรพ ) ในพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับหลวง เป็นเลขที่ : 439 )  


       ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัทธิวิหาริกพึงประพฤติชอบในอุปัชฌายะ

       วิธีประพฤติชอบในอุปัชฌายะนั้น ดังต่อไปนี้ 

       สัทธิวิหาริกพึงลุกขึ้นแต่เช้าตรู่ ถอดรองเท้า ห่มผ้าเฉวียงบ่า แล้วถวายไม้ชำระฟัน ถวายน้ำล้างหน้า ปู อาสนะ ///// ไว้ 

       ถ้า ยาคู ///// มี พึงล้างภาชนะแล้วน้อมยาคูเข้าไป 

       เมื่ออุปัชฌายะดื่มยาคูแล้ว พึงถวายน้ำ รับภาชนะมา ถือต่ำๆ ล้างให้เรียบร้อย อย่าให้กระทบแล้วเก็บไว้ 

       เมื่ออุปัชฌายะลุกแล้วพึงเก็บอาสนะ  ถ้าที่นั้นรกพึงกวาดที่นั้นเสีย

       ถ้าอุปัชฌายะประสงค์จะเข้าบ้าน พึงถวายผ้านุ่ง พึงรับผ้านุ่งผลัดมา พึงถวาย ประคดเอว ///// พึงซ้อนผ้าห่มสองชั้นถวาย พึงล้างบาตรแล้ว ถวายพร้อมทั้งน้ำ 

       ถ้าอุปัชฌายะปรารถนาให้เป็น ปัจฉาสมณะ /////  พึงปกปิดกายให้มี มณฑลสาม /////  นุ่งให้เป็นปริมณฑล /////  คาดประคดเอว ซ้อนผ้าห่มสองชั้น ห่มคลุมกลัดลูกดุม ล้างบาตรแล้วถือไป

       เป็นปัจฉาสมณะของอุปัชฌายะ ไม่พึงเดินให้ห่างนักให้ชิดนัก พึงรับวัตถุที่เนื่องในบาตร 

       เมื่ออุปัชฌายะกำลังพูด ไม่พึงพูดสอดขึ้นในระหว่างๆ 

       เมื่ออุปัชฌายะกล่าวถ้อยคำใกล้ต่ออาบัติ พึงห้ามเสีย 

       เมื่อกลับพึงกลับมาก่อน แล้วปูอาสนะไว้ พึงวางน้ำล้างเท้า ตั่ง /////  รองเท้า กระเบื้องเช็ดเท้าไว้ใกล้ๆ 

       พึงรับบาตร จีวร พึงถวายผ้านุ่งผลัด พึงรับผ้านุ่งมา

       ถ้าจีวรชุ่มเหงื่อ พึงผึ่งแดดสักครู่หนึ่ง แต่อย่าผึ่งทิ้งไว้ที่แดด 

       พึงพับจีวร เมื่อจะพับจีวรพึงพับจีวรให้เหลื่อมมุมกัน 4 นิ้ว ด้วยตั้งใจมิให้มีรอยพับตรงกลาง 

       พึงสอดประคดเอวไว้ในขนดจีวร

       ถ้าบิณฑบาตมี และอุปัชฌายะประสงค์จะฉัน พึงถวายน้ำแล้วน้อมบิณฑบาตเข้าไป พึงถามอุปัชฌายะถึงน้ำฉัน 

       เมื่ออุปัชฌายะฉันแล้ว พึงถวายน้ำรับบาตรมา ถือต่ำๆ ล้างให้เรียบร้อยอย่าให้กระทบ ล้างเช็ดให้หมดน้ำแล้วพึงผึ่งไว้ที่แดดสักครู่หนึ่ง แต่อย่าผึ่งทิ้งไว้ที่แดด 

       พึงเก็บบาตร จีวร เมื่อเก็บบาตร พึงเอามือข้างหนึ่งจับบาตร เอามือข้างหนึ่งลูบคลำใต้เตียงหรือใต้ตั่ง แล้วเก็บบาตร แต่อย่าเก็บบาตรไว้บนพื้นที่ปราศจากเครื่องรอง 

       เมื่อเก็บจีวรพึงเอามือข้างหนึ่งถือจีวร เอามือข้างหนึ่งลูบราวจีวรหรือ สายระเดียง /////  แล้วทำชายจีวรไว้ข้างนอก ขนดไว้ข้างในแล้วเก็บจีวร

       เมื่ออุปัชฌายะลุกขึ้นแล้ว พึงเก็บอาสนะ เก็บน้ำล้างเท้า ตั่งรองเท้า กระเบื้องเช็ดเท้า 

       ถ้าที่นั้นรก พึงกวาดที่นั้นเสีย

       ถ้าอุปัชฌายะใคร่จะสรงน้ำ พึงจัดน้ำสรงถวาย 

       ถ้าต้องการน้ำเย็น พึงจัดน้ำเย็นถวาย  ถ้าต้องการน้ำร้อน พึงจัดน้ำร้อนถวาย  

       ถ้าอุปัชฌายะใคร่จะเข้าเรือนไฟ พึงบดจุณ แช่ดิน ถือตั่งสำหรับเรือนไฟแล้วเดินตามหลังอุปัชฌายะไป 

       ถวายตั่งสำหรับเรือนไฟ แล้วรับจีวรมาวางไว้ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง พึงถวายจุณ ถวายดิน 

       ถ้าอุตสาหะอยู่พึงเข้าเรือนไฟ 

       เมื่อเข้าเรือนไฟพึงเอาดินทาหน้าปิดทั้งข้างหน้าทั้งข้างหลังแล้วเข้าเรือนไฟ 

       อย่านั่งเบียดภิกษุผู้เถระ 

       อย่าเกียดกันอาสนะภิกษุใหม่

       พึงทำบริกรรมแก่อุปัชฌายะในเรือนไฟ  

       เมื่อออกจากเรือนไฟ พึงถือตั่งสำหรับเรือนไฟ แล้วปิดทั้งข้างหน้าทั้งข้างหลังออกจากเรือนไฟ  

       พึงทำบริกรรมอุปัชฌายะแม้ในน้ำ 

       อาบเสร็จแล้วพึงขึ้นมาก่อน ทำตัวของตนให้แห้งน้ำ นุ่งผ้าแล้วพึงเช็ดน้ำจากตัวของอุปัชฌายะ

       พึงถวายผ้านุ่ง ผ้าสังฆาฏิ ถือตั่งสำหรับเรือนไฟมาก่อน แล้วปูอาสนะไว้ พึงวางน้ำล้างเท้า ตั่งรองเท้า กระเบื้องเช็ดเท้าไว้ใกล้ๆ 

       พึงถามอุปัชฌายะด้วยน้ำดื่ม 


       ถ้าประสงค์จะเรียนบาลีพึงขอให้อุปัชฌายะแสดงบาลีขึ้น ถ้าประสงค์จะสอบถามอรรถกถาพึงสอบถาม* * * ( 2 ) 


       อุปัชฌายะอยู่ในวิหารแห่งใด ถ้าวิหารแห่งนั้นรก ถ้าอุตสาหะอยู่พึงปัดกวาดเสีย 

       เมื่อปัดกวาดวิหาร พึงขนบาตร จีวรออกก่อนแล้ววางไว้ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง  

       พึงขนผ้าปูนั่ง และผ้าปูนอน ฟูก หมอน ออกวางไว้ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง

       เตียง ตั่ง สัทธิวิหาริกพึงยกต่ำๆ ทำให้ดี อย่าให้ครูดสี กระทบกระแทกบานและกรอบประตู ตั้งไว้ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง 

       เขียงรองเท้า เตียง กระโถน พนักอิง พึงขนออกไปตั้งไว้ ณ ที่ควรส่วน ข้างหนึ่ง 

       เครื่องปูพื้นพึงสังเกตที่ปูไว้เดิมแล้วขนออกไปวางไว้ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง 

       ถ้าในวิหารมีหยากเยื่อ พึงกวาดแต่เพดานลงมาก่อน กรอบหน้าต่างและมุมห้องพึงเช็ดเสีย 

       ถ้าฝาเขาทำบริกรรมด้วยน้ำหรือพื้นเขาทาสีดำขึ้นรา พึงเอาผ้าชุบน้ำบิดแล้วเช็ดเสีย ถ้าพื้นเขามิได้ทำพึงเอาน้ำประพรมแล้วเช็ดเสีย ด้วยคิดว่าอย่าให้ฝุ่นกลบวิหารดังนี้  

       พึงกวาดหยากเยื่อทิ้งเสีย ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง 

       เครื่องปูพื้นพึงผึ่งแดด ชำระ เคาะ ปัด แล้วขนกลับปูไว้ดังเดิม 

       เขียงรองเท้าเตียงพึงผึ่งแดด ปัด เช็ด แล้วขนกลับไปไว้ที่เดิม 

       เตียง ตั่ง พึงผึ่งแดดขัดสี เคาะยกต่ำๆ ทำให้ดี อย่าให้ครูดสี กระทบกระแทกบานและกรอบประตู ขนกลับตั้งไว้ตามเดิม 

       ฟูก หมอน ผ้าปูนั่ง ผ้าปูนอน กระโถน พนักอิง พึงผึ่งแดด ชำระล้าง เคาะ ปัดเสีย แล้วขนกลับตั้งไว้ตามเดิม  

       พึงเก็บบาตร จีวร เมื่อเก็บบาตร พึงเอามือข้างหนึ่งจับบาตร เอามือข้างหนึ่งลูบคลำใต้เตียงหรือใต้ตั่งแล้วเก็บบาตร 

       แต่อย่าเก็บบาตรบนพื้นที่ปราศจากเครื่องรอง 

       เมื่อเก็บจีวรพึงเอามือข้างหนึ่งถือจีวร เอามือข้างหนึ่งลูบราวจีวรหรือสายระเดียง แล้วทำชายไว้ข้างนอก ขนดไว้ข้างใน เก็บจีวร 


       ถ้า ลมเจือด้วยผงคลี /////  พัดมาแต่ทิศตะวันออก พึงปิดหน้าต่างด้านตะวันออก  

       ถ้าลมเจือผงคลีพัดมาแต่ทิศตะวันตก พึงปิดหน้าต่างด้านตะวันตก 

       ถ้าลมเจือผงคลีพัดมาแต่ทิศเหนือ พึงปิดหน้าต่างด้านเหนือ 

       ถ้าลมเจือผงคลีพัดมาแต่ทิศใต้ พึงปิดหน้าต่างด้านใต้ 

       ถ้าฤดูหนาวพึงเปิดหน้าต่างกลางวัน กลางคืนพึงปิดเสีย  

       ถ้าฤดูร้อนกลางวันพึงปิด กลางคืนพึงเปิด 


       ถ้าบริเวณซุ้มน้ำ โรงฉัน โรงไฟ วัจจกุฎี รก /////  พึงปัดกวาดเสีย 

       ถ้าน้ำฉันน้ำใช้ไม่มี พึงจัดตั้งไว้ 

       ถ้าน้ำในหม้อชำระไม่มี พึงตักมาไว้ในหม้อชำระ  


       ถ้าความกระสันบังเกิดขึ้นแก่อุปัชฌายะ สัทธิวิหาริกพึงช่วยระงับหรือพึงวานภิกษุอื่นให้ช่วยระงับ หรือพึงแสดง ธรรมกถา /////  แก่อุปัชฌายะนั้น 

       ถ้าความรำคาญบังเกิดแก่อุปัชฌายะ สัทธิวิหาริกพึงช่วยบรรเทาหรือพึงวานภิกษุอื่นให้ช่วยบรรเทา หรือพึงแสดงธรรมกถาแก่อุปัชฌายะ 

       ถ้าทิฐิบังเกิดแก่อุปัชฌายะ สัทธิวิหาริกพึงให้สละเสียหรือพึงวานภิกษุอื่นให้ช่วยหรือพึงแสดง ธรรมกถา แก่อุปัชฌายะนั้น 

       ถ้าอุปัชฌายะต้อง อาบัติหนัก /////  ควรแก่ ปริวาส /////  สัทธิวิหาริกพึงทำความขวนขวายว่าด้วยอุบายอย่างไรหนอ สงฆ์พึงให้ปริวาสแก่อุปัชฌายะ

       ถ้าอุปัชฌายะผู้ควรแก่การชักเข้าหาอาบัติเดิม สัทธิวิหาริกพึงทำความขวนขวายว่า ด้วยอุบายอย่างไรหนอ สงฆ์พึงชักอุปัชฌายะเข้าหาอาบัติเดิม 

       ถ้าอุปัชฌายะผู้ควรแก่ มานัด /////  สัทธิวิหาริกพึงทำความขวนขวายว่า ด้วยอุบายอย่างไรหนอสงฆ์พึงให้มานัตแก่อุปัชฌายะ 

       ถ้าอุปัชฌายะควร อัพภาน /////  สัทธิวิหาริกพึงทำความขวนขวายว่าด้วยอุบายอย่างไรหนอ สงฆ์พึงอัพภานอุปัชฌายะ 

       ถ้าสงฆ์ใคร่กระทำกรรมแก่อุปัชฌายะ คือ ตัชชนียกรรม /////  นิยสกรรม /////  ปัพพาชนียกรรม /////  ปฏิสารณียกรรม /////  หรือ อุกเขปนียกรรม /////  สัทธิวิหาริกพึงทำความขวนขวายว่า ด้วยอุบายอย่างไรหนอ สงฆ์ไม่พึงทำกรรมแก่อุปัชฌายะ หรือสงฆ์พึงน้อมไปเพื่อกรรมเบา

       หรืออุปัชฌายะนั้นถูกสงฆ์ลงตัชชนียกรรม นิยสกรรม ปัพพาชนียกรรม ปฏิสารณียกรรม หรืออุกเขปนียกรรมแล้ว สัทธิวิหาริก พึงทำความขวนขวายว่า ด้วยอุบายอย่างไรหนอ อุปัชฌายะพึงประพฤติชอบ หายเย่อหยิ่ง ประพฤติแก้ตัวได้ สงฆ์พึงระงับกรรมนั้นเสีย 


       ถ้าจีวรของอุปัชฌายะจะต้องซัก สัทธิวิหาริกพึงซัก หรือพึงทำความขวนขวายว่า ด้วยอุบายอย่างไรหนอใครๆ พึงซักจีวรของอุปัชฌายะ 

       ถ้าจีวรของอุปัชฌายะจะต้องทำ สัทธิวิหาริกพึงทำ หรือพึงทำความขวนขวายว่า ด้วยอุบายอย่างไรหนอ ใครๆ พึงทำจีวรของอุปัชฌายะ 


       ถ้าน้ำย้อมของอุปัชฌายะจะต้องต้ม สัทธิวิหาริกพึงต้มเอง หรือพึงทำความขวนขวายว่า ด้วยอุบายอย่างไรหนอ ใครๆพึงต้มน้ำย้อมของอุปัชฌายะ 

       ถ้าจีวรของอุปัชฌายะจะต้องย้อม สัทธิวิหาริกพึงย้อม หรือพึงทำความขวนขวายว่า ด้วยอุบายอย่างไรหนอ ใครๆ พึงย้อมจีวรของอุปัชฌายะ  

       เมื่อย้อมจีวร พึงย้อมพลิกกลับไปกลับมาให้ดี เมื่อหยาดน้ำย้อมยังหยดไม่ขาดสาย อย่าหลีกไปเสีย 


       สัทธิวิหาริกไม่บอกอุปัชฌายะก่อน อย่าให้บาตรแก่ภิกษุบางรูป อย่ารับบาตร อย่าให้จีวร อย่ารับจีวร อย่าให้บริขาร อย่ารับบริขารของภิกษุบางรูป อย่าปลงผมให้แก่ภิกษุบางรูป อย่าให้ภิกษุบางรูปปลงผมให้ อย่าทำบริกรรมแก่ภิกษุบางรูป อย่าให้ภิกษุบางรูปทำบริกรรมให้ อย่าทำความขวนขวายแก่ภิกษุบางรูป อย่าสั่งให้ภิกษุบางรูปทำความขวนขวาย อย่าเป็นปัจฉาสมณะของภิกษุบางรูป อย่าพาภิกษุบางรูปไปเป็นปัจฉาสมณะ อย่านำบิณฑบาตไปให้แก่ภิกษุบางรูป อย่าให้ภิกษุบางรูปนำบิณฑบาตมาให้ 


       ไม่บอกลาอุปัชฌายะก่อน อย่าเข้าบ้าน อย่าไปป่าช้า อย่าหลีกไปสู่ทิศ 


       ถ้าอุปัชฌายะอาพาธ พึงพยาบาลจนตลอดชีวิต หรือจนกว่าจะหาย 


       ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้แล เป็นอุปัชฌายะวัตรของสัทธิวิหาริกทั้งหลาย ซึ่งสัทธิวิหาริกพึงประพฤติชอบในพระอุปัชฌายะ  


- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -     

* * * ( 1 ) : อุปัชฌายวัตร ในส่วนนี้ไม่ได้นับข้อ เนื่องจากได้นับไปแล้วในหน้า 171 - ผู้รวบรวม  


* * * ( 2 ) : ในย่อหน้านี้ บาลีมีว่า “สเจ อุทฺทิสาเปตุกาโม โหติ อุทฺทิสาเปตพฺโพ สเจ ปริปุจฺฉิตุกาโม โหติ ปริปุจฺฉิตพฺโพ ฯ” ซึ่งในพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาฯ พ.ศ. 2535 แปลว่า “ถ้าอุปัชฌาย์ต้องการจะให้เรียน พึงเรียน ถ้าอุปัชฌาย์ต้องการจะให้สอบถาม พึงสอบถาม” - ผู้รวบรวม 



* * * ( ข้างบนนี้-ทั้งหมด ) นำมาจากพระไตรปิฎก  /  หัวข้อใหญ่สุด : อาจารโคจรสมฺปนฺนา  /  หัวข้อย่อยรองลงมา : คัมภีร์ จุลวรรค ภาค 2 ( วินัยปิฎก เล่มที่ 7 )  /  หัวข้อย่อยรองลงมา : ขันธ์ที่ 4 : วัตตขันธกะ  /  หัวข้อย่อยรองลงมา : วัตตขันธกะ : อุปัชฌายวัตร  



* * * อีกช่องทางหนึ่ง คือ สามารถอ่านได้ใน หนังสือ พุทธวจน เรื่อง อริยวินัย  /  หน้าที่ : 920 , 921 , 922 , 923 , 924  



- จบ -