อสังขตาธาตุ-วิราคะธรรม
อสังขตาธาตุ-วิราคะธรรม ( อ่านว่า อะ-สัง-ขะ-ตา-ธา-ตุ-วิ-รา-คะ-ทำ )
มีระบบที่ใหญ่ที่สุดสองระบบคือ ระบบของ "อสังขตาธาตุ" ( อ่านว่า อะ-สัง-ขะ-ตา-ธา-ตุ ) และระบบของ "สังตาธาตุ" ( อ่านว่า สัง-ขะ-ตา-ธา-ตุ )
อธิบายง่ายๆก็คือว่า "อสังขตาธาตุ" ก็คือความว่าง
ส่วน "สังขตาธาตุ" ก็คือส่วนที่สัตว์ทั้งหลายดำรงอยู่ ยกตัวอย่างเช่น เทวดา มนุษย์ เปรต นรกภูมิ ฯลฯ
รูปแบบของการทำงานก็คือว่า ส่วนที่อยู่ในความว่าง ( หรืออสังขตาธาตุ ) มารู้สึกมีความสุขในรูปรสกลิ่นเสียง บวกกับความที่มี "อวิชชา" ก็เลยทำให้ "ยึดติด" แล้วส่งผลให้ต้องมาเกิดอยู่ในส่วนของสังขตาธาตุ แล้วก็เวียนว่ายตายเกิดอย่างนั้นหลายล้านชาติ
เราเรียกส่วนที่มารู้สึกมีความสุขในรูปรสกลิ่นเสียง บวกกับความที่มี "อวิชชา" ก็เลยทำให้มาเกิดอยู่ในส่วนของสังขตาธาตุ นี้ว่า "สัตตานัง" ( อ่านว่า สัด-ตา-นัง )
แต่เมื่อ "สัตตานัง" นั้น มีวิชชา คือมีความรู้แจ้งแล้ว ยกตัวอย่างเช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า , พระปัจเจกพุทธเจ้า , พระอรหันต์ ก็จะกลับไปที่ อสังตาธาตุ ( คือความว่าง ) นั้นอีกครั้งหนึ่ง
ประเด็นที่คนสงสัยก็คือว่า ถ้าอย่างนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า , พระปัจเจกพุทธเจ้า , พระอรหันต์ ก็อาจจะมาเกิดใหม่เป็นสัตตานังได้สิ เพราะพระสัมมาสัมพุทธเจ้า , พระปัจเจกพุทธเจ้า , พระอรหันต์ ก็อยู่ใน "อสังขตาธาตุ" แล้ววันนึงก็ต้องมีโอกาสมาเกิดในสังตาธาตุได้อีก
แต่ความเป็นจริงนั้น ในส่วนของ "อสังขตาธาตุ" นั้น มีแยกเป็นสองส่วนคือ
1.อสังขตาธาตุ ที่ยังไม่มีวิชชา
2.อสังขตาธาตุ ที่มีวิชชาแล้ว - คือมีวิชชา จนได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า , พระปัจเจกพุทธเจ้า , พระอรหันต์ แล้วกลับจาก "สังขตาธาตุ" มาสู่ "อสังขตาธาตุ" อีกครั้ง
* * * ดังนั้น "อสังขตาธาตุ" ที่มีวิชชาแล้ว จึงไม่กลับไปเกิดที่ "สังขตาธาตุ" อีก
* * * เราเรียก "อสังขตาธาตุ" ที่มีวิชชาแล้วนี้ว่า อสังขตาธาตุ-วิราคะธรรม ( อ่านว่า อะ-สัง-ขะ-ตา-ธา-ตุ-วิ-รา-คะ-ทำ )
- จบ -