ทายก
ทายก - ผู้ถวายจตุปัจจัยแก่ภิกษุสามเณร / ถ้าเป็นเพศหญิงเรียกว่า ทายิกา
- - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ทายก – ทายิกา
อ่านว่า ทา-ยะ-กะ / ทา-ยิ-กา
ภาษาไทยเขียนเหมือนกัน อ่านว่า ทา-ยก / ทา-ยิ-กา
“ทายก-ทายิกา” แปลตามศัพท์ว่า “ผู้ให้” กระบวนการทางไวยากรณ์คือ –
( 1 ) “ทา” ธาตุ ในความหมายว่า “ให้” แปลง “อา” เป็น “อาย” ( อา-ยะ ) = ทาย
( 2 ) ทาย + ณฺวุ ( นะ-วุ เป็นปัจจัย = “ผู้-” ) แปลง ณฺวุ เป็น “อก” ( อะ-กะ )
( 3 ) จึง = ทาย + อก = ทายก แปลว่า “( ชาย ) ผู้ให้”
ถ้าเพศหญิง ลง “อา” ( เครื่องหมายอิตถีลิงค์ ) และ “อิ” อาคมหน้า “อา” = “อิ-า” จึง = ทายก + อิ-า = ทายิกา แปลว่า “( หญิง ) ผู้ให้”
“ผู้ให้” มี 2 ระดับ คือ –
1. ให้เพราะเงื่อนไขบังคับ เช่น หน้าตาฐานะทางสังคม , ให้ตามหน้าที่ , “จะไม่ให้ก็ดูกระไรอยู่” อย่างนี้เรียกว่า “ทายก”
2. ให้อย่างอิสระ คือ ให้เพราะอยากให้, “ไม่มีเงื่อนไข แต่หัวใจบัญชา” อย่างนี้เรียกว่า “ทานบดี” ( ทา-นะ-บอ-ดี ) แปลว่า “ผู้เป็นใหญ่ในการให้”
: บางคนเป็นทั้งทายกและเป็นทานบดี
: แต่บางคนเป็นได้แค่ทายก
บาลีวันละคำ ( 268 ) 1-2-56 ทายก
[-ยก] น. ผู้ถวายจตุปัจจัยแก่ภิกษุสามเณร, ถ้าเป็นเพศหญิงเรียกว่า ทายิกา. (ป., ส.).
“ทานบดี” ต่างกับ “ทายก” ( ผู้ให้ ) ระหว่าง ทายก กับ ทานบดี , “ทายก” คือผู้ให้ เป็นคำกลางๆ แม้จะให้ของของผู้อื่นตามคำสั่งของเขา โดยไม่มีอำนาจหรือมีความเป็นใหญ่ในของนั้น ก็เป็นทายก ( จึงไม่แน่ว่าจะปราศจากความหวงแหนหรือมีใจสละจริงแท้หรือไม่ ) ส่วน “ทานบดี” คือผู้ให้ที่เป็นเจ้าของหรือมีอำนาจในของที่จะให้ จึงเป็นใหญ่ในทานนั้น ( ตามปกติต้องไม่หวงหรือมีใจสละจริง จึงให้ได้ ) ในแง่ที่ 1 นี้ จึงพูดจำแนกว่า บางคนเป็นทั้งทายกและเป็นทานบดี บางคนเป็นทายกแต่ไม่เป็นทานบดี ; ( ประมวลศัพท์ )
- จบ -