โลหิตุปบาท
โลหิตุปบาท ( อ่านว่า โล-หิ-ตุบ-บาด หรือ โล-หิด-ตุบ-บาด ก็ได้ ) - ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนถึงพระโลหิตห้อขึ้นไป
ประกอบด้วยคำว่า โลหิต + อุปบาท
( 1 ) “โลหิต”
บาลีอ่านว่า โล-หิ-ตะ รากศัพท์มาจาก รุหฺ ( ธาตุ = เกิด ) + ต ปัจจัย , ลง อิ อาคมระหว่างธาตุกับปัจจัย ( รุหฺ + อิ + ต ) , แผลง อุ ที่ รุ-( หฺ ) เป็น โอ แล้วแปลง ร เป็น ล ( รุหฺ > โรห > โลห )
: รุหฺ + อิ + ต = รุหิต > โรหิต > โลหิต แปลตามศัพท์ว่า “ของเหลวที่เกิดอยู่ในร่างกายโดยกระจายไปทั่ว” ( รุหติ สรีเร พฺยาปนวเสนาติ โลหิตํ )
“โลหิต” ในบาลีใช้ในความหมายดังนี้ –
( 1 ) ( เป็นคำนาม ) เลือด ( blood
)
( 2 ) ( เป็นคุณศัพท์ ) แดง ( red )
“โลหิต” ในภาษาไทยใช้ทับศัพท์เป็น “โลหิต” ( โล-หิด )
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ดังนี้ –
“โลหิต : ( คำนาม ) เลือด. (คำวิเศษณ์) สีแดง, โรหิต ก็ว่า. ( ป., ส. ).
( 2 ) “อุปบาท”
บาลีเป็น “อุปฺปาท” ( อุบ-ปา-ทะ ) รากศัพท์มาจาก อุ ( คำอุปสรรค = ขึ้น ) + ปทฺ ( ธาตุ = ไป , เป็นไป ) + ณ ปัจจัย, ลบ ณ, ทีฆะ อะ ที่ ป- ( ทฺ ) เป็น อา ( ปทฺ > ปาท ) , ซ้อน ปฺ ระหว่างอุปสรรคกับธาตุ ( อุ + ปฺ + ปทฺ )
: อุ + ปฺ + ปทฺ = อุปฺปทฺ + ณ = อุปฺปทณ > อุปฺปท > อุปฺปาท แปลตามศัพท์ว่า “การขึ้นไป” หมายถึง การอุบัติ, การปรากฏขึ้น, การเกิด ( coming into existence , appearance, birth )
บาลี “อุปฺปาท” ในภาษาไทยใช้เป็น “อุบาท” ( อุ-บาด ) และ “อุปบาท” ( อุบ-บาด )
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“อุบาท, อุปบาท : ( คำนาม ) การบังเกิด, กําเนิด, มักใช้เป็นส่วนท้ายสมาส เช่น พุทธุบาท ( พุทธ + อุบาท ) , พุทธุปบาท ( พุทธ + อุปบาท ). ( ป. อุปฺปาท; ส. อุตฺปาท ).”
โปรดสังเกตว่า “อุบาท” คำนี้เป็นคนละคำกับ “อุบาทว์” ที่เราคุ้นกันดีอีกคำหนึ่ง ออกเสียงเหมือนกัน แต่เขียนต่างกัน เพราะรากศัพท์ต่างกัน ความหมายก็ต่างกัน ( ดูเพิ่มเติม: “อุบาทว์” บาลีวันละคำ ( 472 ) 30-8-56 )
โลหิต + อุปฺปาท = โลหิตุปฺปาท (โล-หิ-ตุบ-ปา-ทะ) แปลตามศัพท์ว่า “การเกิดขึ้นแห่งโลหิต” หรือ “การยังโลหิตให้เกิดขึ้น” หมายถึง การทำร้ายพระพุทธเจ้าจนถึงพระโลหิตห้อขึ้นไป ( wounding of a Buddha; causing a Buddha to suffer a contusion or to bleed )
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ บอกความหมายของ “โลหิตุปฺปาท” ไว้ว่า the crime of wounding A Tathāgata , one of the anantariya-kammas ( การทำอันตรายต่อพระตถาคต , เป็นหนึ่งในบรรดาอนันตริยกรรม )
“โลหิตุปฺปาท” ในภาษาไทยใช้ทับศัพท์เป็น “โลหิตุปบาท” หรืออาจเขียนเป็น “โลหิตุบาท” ( ไม่มี ป สะกด ) อีกรูปหนึ่งก็ได้
“โลหิตุปบาท” หรือ “โลหิตุบาท” ยังไม่ได้เก็บไว้ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554
ขยายความ :
“โลหิตุปบาท” เป็นอนันตริยกรรมอย่างหนึ่งในอนันตริยกรรม ( กรรมหนักที่สุดฝ่ายบาปอกุศล ซึ่งให้ผลรุนแรงต่อเนื่องไป โดยไม่มีกรรมอื่นจะมากั้นหรือคั่นได้ ) 5 คือ –
1. มาตุฆาต ฆ่ามารดา
2. ปิตุฆาต ฆ่าบิดา
3. อรหันตฆาต ฆ่าพระอรหันต์
4. โลหิตุปบาท ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนถึงพระโลหิตห้อขึ้นไป
5. สังฆเภท ยังสงฆ์ให้แตกกัน, ทำลายสงฆ์
…………..
อภิปราย :
ในพุทธประวัติ ปรากฏว่าพระเทวทัตเป็นผู้ทำ “โลหิตุปบาท” ครั้งหนึ่ง กล่าวคือพระเจ้าอชาตศัตรูทรงเลื่อมใสพระเทวทัต ครั้นได้ครองราชย์ในกรุงราชคฤห์แล้วพระเทวทัตได้กำลังจากฝ่ายบ้านเมืองมาดำเนินการพยายามปลงพระชนม์พระพุทธเจ้าหลายครั้ง เช่น จัดพรานธนูไปดักสังหาร ปล่อยช้างดุนาฬาคีรีให้เข้ามาทำร้ายบนทางเสด็จ
ครั้งหนึ่งพระเทวทัตได้กลิ้งก้อนศิลาลงมาจากเขาคิชฌกูฏจะให้ทับพระพุทธองค์ แต่ศิลาไปกระทบแง่หินทำให้พลาดเป้าหมาย ถึงกระนั้นสะเก็ดหินก้อนหนึ่งได้กระเด็นมากระทบพระบาททำให้พระโลหิตห้อขึ้น และนั่นเองจึงเป็น “โลหิตุปบาท” หนึ่งในอนันตริยกรรม
กาลบัดนี้ไม่มีใครมีโอกาสทำ “โลหิตุปบาท” ได้อีกแล้วเพราะพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานไปนานแล้ว
แต่ถ้าเปรียบพระพุทธศาสนาเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า —
การอาศัยอำนาจตามกฎหมายทำร้าย-ทำลายพระสงฆ์ซึ่งยังไม่ได้พิสูจน์ความผิดชัดเจน อุปมาเหมือน “โลหิตุปบาท” = ทำให้ถึงเลือดตก
การขุดรากถอนโคนพระพุทธศาสนา อุปมาเหมือนปลงพระชนม์ = ทำให้ถึงตาย
- จบ -