อาบัติถุลลัจจัย
ถุลลัจจัย “เลวอย่างหยาบ” อ่านว่า ถุน-ลัด-ไจ ประกอบด้วยคำว่า ถุลล + อัจจัย
( 1 ) “ถุลล”
เขียนแบบบาลีเป็น “ถุลฺล” ( มีจุดใต้ ลฺ ตัวหน้า ) อ่านว่า ถุน-ละ รากศัพท์มาจาก ถูลฺ ( ธาตุ = เติบโต ) + ล ปัจจัย, รัสสะ อู ที่ ถู-( ลฺ )เป็น อุ ( ถูลฺ > ถุล )
: ถูลฺ + ล = ถูลฺล > ถุลฺล แปลตามศัพท์ว่า “อาการที่เติบโต”
ลบที่สุดธาตุ (ถูลฺ > ถู)ได้รูปเป็น “ถูล” ก็มี –
: ถูลฺ + ล = ถูลฺล > ถูล
“ถุลฺล – ถูล” ( คุณศัพท์ ) ใช้ในความหมายดังนี้ –
( 1 ) กระชับ , ใหญ่โต ( compact, massive )
( 2 ) หยาบ , ใหญ่เทอะทะ ( coarse, gross )
( 3 ) เบ้อเร่อ , แข็งแรง , เกะกะงุ่มง่าม ( big, strong, clumsy )
( 4 ) ( มีคุณภาพ ) ต่ำ , ( กิริยาวาจา ) หยาบ ( low , unrefined , rough )
( 5 ) ( รูปร่าง ) อ้วน , ล่ำ ( stout , fat )
( 6 ) สามัญ ( common )
บาลี “ถูล” และ “ถุลฺล” สันสกฤตเป็น “สฺถูล”
สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ดังนี้ –
“สฺถูล : ( คำวิเศษณ์ ) อ้วน , มีเนื้อ , ใหญ่ ; โง่ , เขลา , โต , ใหญ่ ; หยาบ , ขี้เหร่ , ขี้ริ้ว ; fat , corpulent , bulky ; stupid , dull ; large , great ; coarse ; clumsy , ill-made or awkward.”
ในที่นี้ใช้ตามรูปบาลีเป็น “ถุลฺล” เขียนแบบไทยเป็น “ถุลล” (ไม่มีจุดใต้ ล ตัวหน้า)
ในสำนวนบาลีมีข้อควรสังเกต :
“ถูล” มาคู่กับ “อณุ” ( อณุํ ถูลํ ) หมายถึง ใหญ่ ( คู่กับเล็ก ) , มาก ( คู่กับน้อย )
“ถูล” มาคู่กับ “กิส” ( กีส ) หมายถึง อ้วน ( คู่กับผอม )
“ถูล” หรือ “ถุลฺล” จะใช้ในความหมายอย่างไรจึงต้องดูบริบทด้วย
ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“ถุล-, ถุลละ : ( คำแบบ ) ( คำวิเศษณ์ ) อ้วน , พี ; หยาบ ( ป. ถูล , ถุลฺล ; ส. สฺถูล )”
( 2 ) “อัจจัย”
บาลีเป็น “อจฺจย” อ่านว่า อัด-จะ-ยะ รากศัพท์มาจาก อติ ( คำอุปสรรค = ยิ่ง , เกิน , ล่วง ) + อิ ( ธาตุ = ไป , เป็นไป ) + ณ ปัจจัย , ลบ ณ , แปลง ติ เป็น จฺจ ( อติ > อจฺจ ) , แปลง อิ ธาตุเป็น ย
: อติ + อิ = อติอิ + ณ = อติอิณ > อติอิ > อจฺจอิ > อจฺจย ( ปุงลิงค์ ) แปลตามศัพท์ว่า
(1) “อาการที่ละเมิดเหยียบย่ำมรรยาทที่ดีเป็นไป”
(2) “อาการเป็นเหตุให้ล่วงละเมิด”
“อจฺจย” ในบาลีใช้ในความหมายดังนี้ –
( 1 ) [ เกี่ยวกับเวลา ] ความล่วงไปหรือผ่านไป ; ความสิ้นสุด , ความสุดสิ้น , ความตาย [ temporal ] ( lapse , passing ; passing away , end , death )
( 2 ) ผ่านไปหรือเลยไป , ล่วงเลยไป , ชนะ ( passing or getting over , overcoming , conquering )
( 3 ) การออกนอก [ แบบอย่าง ] , อาบัติ , การล่วงละเมิด ( going beyond [ the norm ] , transgression , offence )
ในที่นี้ “อจฺจย” ใช้ในความหมายตามข้อ ( 3 )
บาลี “อจฺจย” ภาษาไทยทับศัพท์เป็น “อัจจัย”
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“อัจจัย : ( คำนาม ) การล่วงไป ; การล่วงเกิน , การดูหมิ่น ( ป. อจฺจย ; ส. อตฺยย )”
ถุลฺล + อจฺจย = ถุลฺลจฺจย ( ถุน-ลัด-จะ-ยะ ) แปลว่า “ความล่วงละเมิดที่หยาบ” หมายถึง อาบัติหยาบ , ความผิดที่ควรตำหนิอย่างหนัก ( a grave offence ) คือการกระทำที่คนปกติหรือภิกษุที่มีสภาพจิตใจเป็นปกติจะไม่ทำเช่นนั้น
“ถุลฺลจฺจย” ใช้ในภาษาไทยเป็น “ถุลลัจจัย” ( ถุน-ลัด-ไจ )
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“ถุลลัจจัย : ( คำนาม ) ชื่ออาบัติจำพวกหนึ่งในอาบัติทั้ง 7 จัดไว้ในพวกลหุกาบัติคืออาบัติเบาที่เปรียบด้วยลหุโทษ. ( ป. ).”
ขยายความ :
“ถุลลัจจัย” เป็นชื่ออาบัติ คือ โทษที่เกิดจากการล่วงละเมิดสิกขาบทหรือข้อห้ามแห่งภิกษุ 1 ใน 7 อย่าง
อาบัติมี 7 ชื่อ มีความหมายตามลักษณะความผิด ( เพื่อเข้าใจง่าย ขอแปลแบบถอดความ ) ดังนี้
( 1 ) ปาราชิก = “แพ้ไล่ออก”
( 2 ) สังฆาทิเสส = “ต้องให้สงฆ์สั่งสอน”
( 3 ) ถุลลัจจัย = “เลวอย่างหยาบ”
( 4 ) ปาจิตตีย์ = “ทำดีตกแตก”
( 5 ) ปาฏิเทสนียะ = “รับสารภาพ”
( 6 ) ทุกกฏ = “มารยาททราม”
( 7 ) ทุพภาสิต = “ปากเสีย”
มาตรการลงโทษกำหนดไว้ดังนี้ ( ตัวเลขในวงเล็บคืออาบัติ )
( 1 ) ขาดจากความเป็นพระทันทีที่ทำ
( 2 ) ที่ประชุมสงฆ์ลงโทษตามวิธีการที่กำหนด
( 3-7 ) เปิดเผยความผิดต่อหน้าเพื่อนภิกษุด้วยกัน เรียกว่า “ปลงอาบัติ”
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต อธิบายคำว่า “ถุลลัจจัย” ไว้ดังนี้
ถุลลัจจัย : “ความล่วงละเมิดที่หยาบ” , ชื่ออาบัติหยาบอย่างหนึ่ง เป็นความผิดขั้นรองลงมาจากอาบัติสังฆาทิเสส เช่น ภิกษุชักสื่อให้ชายหญิงเป็นผัวเมียกัน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ภิกษุชักสื่อบัณเฑาะก์ ( กะเทย ) ต้องอาบัติถุลลัจจัย ภิกษุนุ่งห่มหนังเสืออย่างเดียรถีย์ ต้องอาบัติถุลลัจจัย
- จบ -