Monday, June 28, 2021

มหาขันธกะ : องค์ 6 แห่งภิกษุผู้ให้อุปสมบท 14 หมวด

 

คำตรัสจากพระโอษฐ์ พระพุทธเจ้า

เรื่อง มหาขันธกะ : องค์ 6 แห่งภิกษุผู้ให้อุปสมบท 14 หมวด



องค์ 6 แห่งภิกษุผู้ให้อุปสมบท 14 หมวด 
* * * ( 1 )


* * * กัณหปักษ์ 1


( เนื้อหาข้างล่างนี้ มีเลขอ้างอิง ( บรรพ ) ในพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับหลวง เป็นเลขที่ : 99 ) 


       82.ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ 6 ไม่พึงให้อุปสมบท ไม่พึงให้นิสสัย ไม่พึงให้สามเณรอุปัฏฐาก คือ

       1.ไม่ประกอบด้วยกองศีล อันเป็นของพระอเสขะ 

       2.ไม่ประกอบด้วยกองสมาธิ อันเป็นของพระอเสขะ 

       3.ไม่ประกอบด้วยกองปัญญา อันเป็นของพระอเสขะ 

       4.ไม่ประกอบด้วยกองวิมุติ อันเป็นของพระอเสขะ 

       5.ไม่ประกอบด้วยกองวิมุตติญาณทัสสนะ อันเป็นของพระอเสขะ 

       6.มีพรรษาหย่อน 10 

       ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ 6 นี้แล ไม่พึงให้อุปสมบท ไม่พึงให้นิสสัย ไม่พึงให้สามเณรอุปัฏฐาก 


* * * ศุกลปักษ์ 1

       83.ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ 6 พึงให้อุปสมบท พึงให้นิสสัย พึงให้สามเณรอุปัฏฐาก คือ

       1.ประกอบด้วยกองศีล อันเป็นของพระอเสขะ 

       2.ประกอบด้วยกองสมาธิ อันเป็นของพระอเสขะ

       3.ประกอบด้วยกองปัญญา อันเป็นของพระอเสขะ 

       4.ประกอบด้วยกองวิมุติ อันเป็นของพระอเสขะ 

       5.ประกอบด้วยกองวิมุตติญาณทัสสนะ อันเป็นของพระอเสขะ 

       6.มีพรรษาได้ 10 หรือมีพรรษาเกิน 10 

       ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ 6 นี้แล พึงให้อุปสมบท พึงให้นิสสัย พึงให้สามเณรอุปัฏฐาก 


* * * กัณหปักษ์ 2 

       84.ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ 6 แม้อื่นอีก ไม่พึงให้อุปสมบท ไม่พึงให้นิสสัย ไม่พึงให้สามเณรอุปัฏฐาก คือ

       1.ตนเองไม่ประกอบด้วยกองศีล อันเป็นของพระอเสขะ และไม่ชักชวนผู้อื่นในกองศีล อันเป็นของพระอเสขะ 

       2.ตนเองไม่ประกอบด้วยกองสมาธิ อันเป็นของพระอเสขะ และไม่ชักชวนผู้อื่นในกองสมาธิ อันเป็นของพระอเสขะ 

       3.ตนเองไม่ประกอบด้วยกองปัญญา อันเป็นของพระอเสขะ และไม่ชักชวนผู้อื่นในกองปัญญา อันเป็นของพระอเสขะ 

       4.ตนเองไม่ประกอบด้วยกองวิมุติ อันเป็นของพระอเสขะ และไม่ชักชวนผู้อื่นในกองวิมุติ อันเป็นของพระอเสขะ 

       5.ตนเองไม่ประกอบด้วยกองวิมุตติญาณทัสสนะ อันเป็นของพระอเสขะ และไม่ชักชวนผู้อื่นในกองวิมุตติญาณทัสสนะ อันเป็นของพระอเสขะ 

       6.มีพรรษาหย่อน 10

       ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ 6 นี้แล ไม่พึงให้อุปสมบท ไม่พึงให้นิสสัย ไม่พึงให้สามเณรอุปัฏฐาก 


* * * ศุกลปักษ์ 2

       85.ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ 6 พึงให้อุปสมบท พึงให้นิสสัย พึงให้สามเณรอุปัฏฐาก คือ 

       1.ตนเองประกอบด้วยกองศีล อันเป็นของพระอเสขะ และชักชวนผู้อื่นในกองศีล อันเป็นของพระอเสขะ

       2.ตนเองประกอบด้วยกองสมาธิ อันเป็นของพระอเสขะ และชักชวนผู้อื่นในกองสมาธิ อันเป็นของพระอเสขะ

       3.ตนเองประกอบด้วยกองปัญญา อันเป็นของพระอเสขะ และชักชวนผู้อื่นในกองปัญญา อันเป็นของพระอเสขะ 

       4.ตนเองประกอบด้วยกองวิมุติ อันเป็นของพระอเสขะ และชักชวนผู้อื่นในกองวิมุติ อันเป็นของพระอเสขะ

       5.ตนเองประกอบด้วยกองวิมุตติญาณทัสสนะ อันเป็นของพระอเสขะ และชักชวนผู้อื่นในกองวิมุตติญาณทัสสนะ อันเป็นของพระอเสขะ 

       6.มีพรรษาได้ 10 หรือมีพรรษาเกิน 10 

       ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ 6 นี้แล พึงให้อุปสมบท พึงให้นิสสัย พึงให้สามเณรอุปัฏฐาก 


* * * กัณหปักษ์ 3 
 
       86.ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ 6 แม้อื่นอีก ไม่พึงให้อุปสมบท ไม่พึงให้นิสสัย ไม่พึงให้สามเณรอุปัฏฐาก คือ

       1.เป็นผู้ไม่มีศรัทธา 

       2.เป็นผู้ไม่มีหิริ 

       3.เป็นผู้ไม่มีโอตตัปปะ 

       4.เป็นผู้เกียจคร้าน 

       5.เป็นผู้มีสติฟั่นเฟือน 

       6.เป็นผู้มีพรรษาหย่อน 10

       ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุประกอบด้วยองค์ 6 นี้แล ไม่พึงให้อุปสมบท ไม่พึงให้นิสสัย ไม่พึงให้สามเณรอุปัฏฐาก


* * * ศุกลปักษ์ 3 

       87.ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ 6 พึงให้อุปสมบท พึงให้นิสสัย พึงให้สามเณรอุปัฏฐาก คือ 

       1.เป็นผู้มีศรัทธา 

       2.เป็นผู้มีหิริ 

       3.เป็นผู้มีโอตตัปปะ 

       4.เป็นผู้ปรารภความเพียร 

       5.เป็นผู้มีสติตั้งมั่น 

       6.เป็นผู้มีพรรษาได้ 10 หรือมีพรรษาเกิน 10

       ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ 6 นี้แล พึงให้อุปสมบท พึงให้นิสสัย พึงให้สามเณรอุปัฏฐาก 


* * * กัณหปักษ์ 4

       88.ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ 6 แม้อื่นอีก ไม่พึงให้อุปสมบท ไม่พึงให้นิสสัย ไม่พึงให้สามเณรอุปัฏฐาก คือ 

       1.เป็นผู้วิบัติด้วยศีล ในอธิศีล 

       2.เป็นผู้วิบัติด้วยอาจาระ ในอัธยาจาร 

       3.เป็นผู้วิบัติด้วยทิฏฐิ ในทิฏฐิยิ่ง

       4.เป็นผู้ได้ยินได้ฟังน้อย

       5.เป็นผู้มีปัญญาทราม

       6.เป็นผู้มีพรรษาหย่อน 10

       ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ 6 นี้แล ไม่พึงให้อุปสมบท ไม่พึงให้นิสสัย ไม่พึงให้สามเณรอุปัฏฐาก 


* * * ศุกลปักษ์ 4 

       89.ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ 6 พึงให้อุปสมบท พึงให้นิสสัย พึงให้สามเณรอุปัฏฐาก คือ 

       1.เป็นผู้ไม่มีวิบัติด้วยศีล ในอธิศีล 

       2.เป็นผู้ไม่วิบัติด้วยอาจาระ ในอัธยาจาร

       3.เป็นผู้ไม่วิบัติด้วยทิฏฐิ ในทิฏฐิยิ่ง 

       4.เป็นผู้ได้ยินได้ฟังมาก 

       5.เป็นผู้มีปัญญา 

       6.เป็นผู้มีพรรษาได้ 10 หรือมีพรรษาเกิน 10 

       ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ 6 นี้แล พึงให้อุปสมบท พึงให้นิสสัย พึงให้สามเณรอุปัฏฐาก


* * * กัณหปักษ์ 5  

       90.ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ 6 แม้อื่นอีก ไม่พึงให้อุปสมบท ไม่พึงให้นิสสัย ไม่พึงให้สามเณรอุปัฏฐาก คือ

       1.ไม่สามารถจะพยาบาลเอง หรือให้ผู้อื่นพยาบาล อันเตวาสิก หรือ สัทธิวิหาริก ผู้อาพาธ 

       2.ไม่สามารถจะระงับเอง หรือหาผู้อื่นให้ช่วยระงับความกระสัน 

       3.ไม่สามารถจะบรรเทาเอง หรือหาผู้อื่นให้ช่วยบรรเทาความเบื่อหน่ายอันเกิดขึ้นแล้วโดยธรรม 

       4.ไม่รู้จักอาบัติ 

       5.ไม่รู้จักวิธีออกจากอาบัติ 

       6.มีพรรษาหย่อน 10 

       ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ 6 นี้แล ไม่พึงให้อุปสมบท ไม่พึงให้นิสสัย ไม่พึงให้สามเณรอุปัฏฐาก 


* * * ศุกลปักษ์ 5

       91.ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ 6 พึงให้อุปสมบท พึงให้นิสสัย พึงให้สามเณรอุปัฏฐาก คือ

       1.อาจพยาบาลเอง หรือให้ผู้อื่นพยาบาล อันเตวาสิก หรือ สัทธิวิหาริก ผู้อาพาธ

       2.อาจระงับเอง หรือหาผู้อื่นให้ช่วยระงับความกระสัน

       3.อาจบรรเทาเอง หรือหาผู้อื่นให้ช่วยบรรเทาความเบื่อหน่าย อันเกิดขึ้นแล้วโดยธรรม 

       4.รู้จักอาบัติ 

       5.รู้จักวิธีออกจากอาบัต 

       6.มีพรรษาได้ 10 หรือมีพรรษาเกิน 10

       ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ 6 นี้แล พึงให้อุปสมบท พึงให้นิสสัย พึงให้สามเณรอุปัฏฐาก 


* * * กัณหปักษ์ 6

       92.ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ 6 แม้อื่นอีก ไม่พึงให้อุปสมบท ไม่พึงให้นิสสัย ไม่พึงให้สามเณรอุปัฏฐาก คือ

       1.ไม่อาจฝึกปรือ อันเตวาสิก หรือ สัทธิวิหาริก ในสิกขาอันเป็นอภิสมาจาร 

       2.ไม่อาจแนะนำในสิกขา อันเป็นส่วนเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์

       3.ไม่อาจแนะนำในธรรมอันยิ่งขึ้นไป 

       4.ไม่อาจแนะนำในวินัยอันยิ่งขึ้นไป 

       5.ไม่อาจเปลื้องความเห็นผิดอันเกิดขึ้นแล้วโดยธรรม 

       6.มีพรรษาหย่อน 10 

       ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ 6 นี้แล ไม่พึงให้อุปสมบท ไม่พึงให้นิสสัย ไม่พึงให้สามเณรอุปัฏฐาก 


* * * ศุกลปักษ์ 6 

       93.ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ 6 พึงให้อุปสมบท พึงให้นิสสัย พึงให้สามเณรอุปัฏฐาก คือ 

       1.อาจฝึกปรืออันเตวาสิกหรือสัทธิวิหาริก ในสิกขาอันเป็นอภิสมาจาร 

       2.อาจแนะนำในสิกขา อันเป็นส่วนเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ 

       3.อาจแนะนำในธรรมอันยิ่งขึ้นไป 

       4.อาจแนะนำในวินัยอันยิ่งขึ้นไป 

       5.อาจเปลื้องความเห็นผิดอันเกิดขึ้นแล้วโดยธรรม 

       6.มีพรรษาได้ 10 หรือมีพรรษาเกิน 10 

       ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ 6 นี้แล พึงให้อุปสมบท พึงให้นิสสัย พึงให้สามเณรอุปัฏฐาก 


* * * กัณหปักษ์ 7

       94.ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ 6 แม้อื่นอีก ไม่พึงให้อุปสมบท ไม่พึงให้นิสสัย ไม่พึงให้สามเณรอุปัฏฐาก คือ 

       1.ไม่รู้จักอาบัติ 

       2.ไม่รู้จักอนาบัติ 

       3.ไม่รู้จักอาบัติเบา 

       4.ไม่รู้จักอาบัติหนัก

       5.เธอจำปาติโมกข์ทั้งสองไม่ได้ดีโดยพิสดาร จำแนกไม่ได้ด้วยดี ไม่คล่องแคล่วดี วินิจฉัยไม่เรียบร้อยโดยสุตตะ โดยอนุพยัญชนะ 

       6.มีพรรษาหย่อน 10 

       ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ 6 นี้แล ไม่พึงให้อุปสมบท ไม่พึงให้นิสสัย ไม่พึงให้สามเณรอุปัฏฐาก 


* * * ศุกลปักษ์ 7 

       95.ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ 6 พึงให้อุปสมบท พึงให้นิสสัย พึงให้สามเณรอุปัฏฐาก คือ 

       1.รู้จักอาบัติ 

       2.รู้จักอนาบัติ 

       3.รู้จักอาบัติเบา 

       4.รู้จักอาบัติหนัก 

       5.เธอจำปาติโมกข์ทั้งสองได้ดี โดยพิสดาร จำแนกได้ดี คล่องแคล่วดี วินิจฉัยเรียบร้อยโดยสุตตะ โดยอนุพยัญชนะ 

       6.มีพรรษาได้ 10 หรือพรรษาเกิน 10

       ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ 6 นี้แล พึงให้อุปสมบท พึงให้นิสสัย พึงให้สามเณรอุปัฏฐาก 


- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -     

* * * ( 1 ) ในพระไตรภาษาบาลีฉบับสยามรัฐระบุว่ามี 16 หมวด แต่นับหมวดได้จริงเพียง 14 หมวด และในพระไตรปิฎกภาษาบาลี ฉบับมหาจุฬาฯ พ.ศ.2500 และฉบับเฉลิมพระเกียรติฯ พ.ศ.2549 ระบุว่ามี 14 หมวด – ผู้รวบรวม 


* * * ( ข้างบนนี้-ทั้งหมด ) นำมาจากพระไตรปิฎก  /  หัวข้อใหญ่สุด : อาจารโคจรสมฺปนฺนา  /  หัวข้อย่อยรองลงมา : คัมภีร์ มหาวรรค ภาค 1 ( วินัยปิฎก เล่มที่ 4 )  /  หัวข้อย่อยรองลงมา : ขันธ์ที่ 1 : มหาขันธกะ  /  หัวข้อย่อยรองลงมา : มหาขันธกะ : องค์ 6 แห่งภิกษุผู้ให้อุปสมบท 14 หมวด 



* * * อีกช่องทางหนึ่ง คือ สามารถอ่านได้ใน หนังสือ พุทธวจน เรื่อง อริยวินัย  /  หน้าที่ : 211 , 212 , 213 , 214 , 215 , 216 , 217 



- END -