Monday, September 26, 2022

ภิกขุนีขันธกะ : อันตรายิกธรรมของภิกษุณี




อันตรายิกธรรมของภิกษุณี


( เนื้อหาข้างล่างนี้ มีเลขอ้างอิง ( บรรพ ) ในพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับหลวง เป็นเลขที่ : 573 )  


       สมัยนั้น ภิกษุณีทั้งหลายที่อุปสมบทแล้วปรากฏว่าไม่มีนิมิตบ้าง มีสักแต่ว่านิมิตบ้าง ไม่มีโลหิตบ้าง มีโลหิตเสมอบ้าง มีผ้าซับในเสมอบ้าง มีน้ำ มูตรกะปริบกะปรอยบ้าง มีเดือยบ้าง เป็นหญิงบัณเฑาะก์บ้าง เป็นหญิงคล้ายชายบ้าง เป็นหญิงมีมรรคระคนกันบ้าง เป็นหญิง 2 เพศบ้าง

       … ตรัสว่า 


       622. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ถามอันตรายิกธรรม 24 ประการแก่ภิกษุณีผู้จะอุปสมบท 



วิธีถามอันตรายิกธรรม


       623. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แล พึงถามอย่างนี้

       เธอมิใช่ผู้ไม่มีนิมิตหรือ มิใช่ผู้มีสักแต่ว่านิมิตหรือ มิใช่ผู้ไม่มีโลหิตหรือ มิใช่ผู้มีโลหิตเสมอหรือ มิใช่ผู้มีผ้าซับในเสมอหรือ มิใช่ผู้มีน้ำมูตรกะปริบกะปรอยหรือ มิใช่ผู้มีเดือยหรือ มิใช่เป็นหญิงบัณเฑาะก์หรือ มิใช่เป็นหญิงคล้ายชายหรือ มิใช่ผู้เป็นหญิงมีมรรคระคนกันหรือ มิใช่เป็นหญิง 2 เพศหรือ

       อาพาธเหมือนอย่างนี้ของเธอมีหรือ คือ โรคเรื้อน ฝี โรคกลาก โรคมองคร่อ ลมบ้าหมู 

       เธอเป็นมนุษย์หรือ เป็นหญิงหรือ เป็นไทยหรือ ไม่มีหนี้สินหรือ ไม่เป็น ราชภัฏ หรือ /////  มารดาบิดาสามีอนุญาตแล้วหรือ มีอายุครบ 20 ปีแล้วหรือ บาตร จีวร ของเธอครบแล้วหรือ เธอชื่ออะไร  ปวัตตินี ///// ของเธอชื่ออะไร 



( เนื้อหาข้างล่างนี้ มีเลขอ้างอิง ( บรรพ ) ในพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับหลวง เป็นเลขที่ : 574 )  


       สมัยนั้น ภิกษุถาม อันตรายิกธรรม /////  ของภิกษุณี หญิงผู้ อุปสัมปทาเปกขะ /////  ย่อมกระดาก เก้อเขิน ไม่อาจตอบได้

       … ตรัสว่า 


       624. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้นางอุปสัมปทาเปกขะอุปสมบทในสงฆ์ฝ่ายเดียว บริสุทธิ์ในภิกษุณีสงฆ์ แล้วอุปสมบทในภิกษุสงฆ์ 



( เนื้อหาข้างล่างนี้ มีเลขอ้างอิง ( บรรพ ) ในพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับหลวง เป็นเลขที่ : 575 )  


       สมัยนั้น ภิกษุณีทั้งหลายถามอันตรายิกธรรมกะนางอุปสัมปทาเปกขะผู้ยังไม่ได้สอนซ้อม นางอุปสัมปทาเปกขะย่อมกระดาก เก้อเขิน ไม่อาจ ตอบได้

       … ตรัสว่า 


       ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้สอนซ้อมก่อนแล้วถามอันตรายิกธรรมต่อภายหลัง 



       ภิกษุณีทั้งหลายสอนซ้อมในท่ามกลางสงฆ์นั่นเอง นางอุปสัมปทาเปกขะยังกระดาก เก้อเขิน ไม่อาจตอบได้เหมือนอย่างนั้น

       … ตรัสว่า 


       ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้สอนซ้อม ณ สถานที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วถามอันตรายิกธรรมในท่ามกลางสงฆ์ 



วิธีสอนซ้อม

       ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แล พึงสอนซ้อมอย่างนี้ 

       พึงให้ถืออุปัชฌายะก่อน 

       ครั้นแล้วพึงบอก บาตรจีวรว่า

       นี้ บาตรของเธอ นี้ ผ้าสังฆาฏิ นี้ ผ้าอุดราสงค์ นี้ ผ้าอันตรวาสก นี้ ผ้ารัดอก นี้ ผ้าอาบน้ำ เธอจงไปยืนอยู่ ณ โอกาสโน้น 



       ภิกษุณีผู้เขลา ไม่ฉลาด สอนซ้อม นางอุปสัมปทาเปกขะผู้ถูกสอน ซ้อมไม่ดี ย่อมกระดาก เก้อเขิน ไม่อาจตอบได้

       … ตรัสว่า 


       ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุณีผู้เขลา ไม่ฉลาด ไม่พึงสอนซ้อม 

       รูปใดสอนซ้อม ต้องอาบัติทุกกฏ 



       ภิกษุณีมิได้รับสมมติสอนซ้อม

       … ตรัสว่า 


       ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุณีมิได้รับสมมติไม่พึงสอนซ้อม 

       รูปใดสอนซ้อม ต้องอาบัติทุกกฏ 


       เราอนุญาตให้ภิกษุณีผู้ได้รับสมมติแล้วสอนซ้อม 


       ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลพึงสมมติอย่างนี้ ตนเองพึงสมมติตน หรือผู้อื่นพึงสมมติผู้อื่น 



วิธีสมมติตน


( เนื้อหาข้างล่างนี้ มีเลขอ้างอิง ( บรรพ ) ในพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับหลวง เป็นเลขที่ : 576 )  


       ก็ตนเองพึงสมมติตน อย่างไร 

       ภิกษุณีผู้ฉลาด ผู้สามารถ พึงประกาศให้สงฆ์ทราบด้วย ญัตติกรรมวาจา ว่าดังนี้



* * * ญัตติกรรมวาจาสมมติตน

       แม่เจ้า เจ้าข้า ขอสงฆ์จงฟังดิฉัน

       นางชื่อนี้ เป็นอุปสัมปทาเปกขะ ของแม่เจ้าชื่อนี้ 

       ถ้าความพร้อมพรั่งของสงฆ์ถึงที่แล้ว ดิฉันพึงสอนซ้อมนางชื่อนี้ 


       อย่างนี้ชื่อว่าตนเองสมมติตน 



วิธีสมมติผู้อื่น


( เนื้อหาข้างล่างนี้ มีเลขอ้างอิง ( บรรพ ) ในพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับหลวง เป็นเลขที่ : 577 )  


       ก็ผู้อื่นพึงสมมติผู้อื่น อย่างไร 

       ภิกษุณีผู้ฉลาด ผู้สามารถ พึงประกาศให้สงฆ์ทราบด้วยญัตติกรรมวาจา ว่าดังนี้



* * * ญัตติกรรมวาจาสมมติผู้อื่น 

       แม่เจ้า เจ้าข้า ขอสงฆ์จงฟังดิฉัน 

       นางชื่อนี้เป็นอุปสัมปทาเปกขะของแม่เจ้าชื่อนี้ 

       ถ้าความพร้อมพรั่งของสงฆ์ถึงที่แล้ว ภิกษุณีชื่อนี้พึงสอนซ้อมนางชื่อนี้ 


       อย่างนี้ชื่อว่าผู้อื่นสมมติผู้อื่น 



* * * คำสอนซ้อม


( เนื้อหาข้างล่างนี้ มีเลขอ้างอิง ( บรรพ ) ในพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับหลวง เป็นเลขที่ : 578 )  


       ภิกษุณีผู้ได้รับสมมติแล้วนั้น พึงเข้าไปหานางอุปสัมปทาเปกขะแล้วกล่าวอย่างนี้ว่า

       นางชื่อนี้ เธอจงฟังนะ นี้เป็นกาลสัตย์ กาลจริงของเธอ เมื่อถูกถามในท่ามกลางสงฆ์ถึงสิ่งอันเกิดแล้วมีอยู่พึงบอกว่ามี ไม่มีพึงบอกว่า ไม่มี

       เธออย่ากระดาก เธออย่าเก้อเขิน 

       ภิกษุณีทั้งหลายจักถามเธอ อย่างนี้ 

       เธอมิใช่ผู้ไม่มีนิมิตหรือ มิใช่ผู้มีสักแต่ว่านิมิตหรือ มิใช่ผู้ไม่มีโลหิตหรือ มิใช่ผู้มีโลหิตเสมอหรือ มิใช่ผู้มีผ้าซับในเสมอหรือ มิใช่ผู้มีน้ำมูตรกระปริบกระปรอยหรือ มิใช่ผู้มีเดือยหรือ มิใช่เป็นหญิงบัณเฑาะก์หรือ มิใช่เป็นหญิงคล้ายชายหรือ มิใช่เป็นหญิงมีมรรคระคนกันหรือ มิใช่เป็นหญิง 2 เพศหรือ 

       อาพาธเหมือนอย่างนี้ของเธอ มีหรือ คือ โรคเรื้อน ฝี โรคกลาก โรคมองคร่อ ลมบ้าหมู 

       เธอเป็นมนุษย์หรือ เป็นหญิงหรือ เป็นไทยหรือ ไม่มีหนี้สินหรือ ไม่เป็นราชภัฏหรือ มารดาบิดา สามี อนุญาตแล้วหรือ มีอายุครบ 20 ปีแล้วหรือ มีบาตรจีวรครบแล้วหรือ 

       เธอ ชื่ออะไร ปวัตตินีของเธอ ชื่ออะไร 



       ภิกษุณีผู้สอนซ้อม กับนางอุปสัมปทาเปกขะมาพร้อมกัน

       … ตรัสว่า 


       ไม่พึงมาพร้อมกัน ภิกษุณีผู้สอนซ้อมพึงมาก่อน แล้วประกาศให้สงฆ์ทราบด้วยญัตติกรรมวาจา ว่าดังนี้ 



* * * ญัตติกรรมวาจา

       แม่เจ้า เจ้าข้า ขอสงฆ์จงฟังดิฉัน 

       นางชื่อนี้เป็นอุปสัมปทาเปกขะ ของแม่เจ้าชื่อนี้ 

       นางอันดิฉันสอนซ้อมแล้วถ้าความพร้อมพรั่งของสงฆ์ถึงที่แล้ว นางชื่อนี้พึงมา


       ภิกษุณีนั้นพึงกล่าวว่า

       เธอจงมา พึงให้นางอุปสัมปทาเปกขะ ห่มผ้าเฉวียงบ่า ให้ไหว้เท้าภิกษุณีทั้งหลาย ให้นั่งกระหย่งประคองอัญชลี ขออุปสมบท ว่าดังนี้ 



* * * คำขออุปสมบท 

       แม่เจ้า เจ้าข้า ดิฉันขออุปสมบทต่อสงฆ์ ขอสงฆ์โปรดเอ็นดูยกดิฉันขึ้นเถิดเจ้าข้า 

       แม่เจ้า เจ้าข้า ดิฉันขออุปสมบทกะสงฆ์ เป็นครั้งที่สอง ขอสงฆ์โปรดเอ็นดูยกดิฉันขึ้นเถิดเจ้าข้า 

       แม่เจ้า เจ้าข้า ดิฉันขออุปสมบทกะสงฆ์ เป็นครั้งที่สาม ขอสงฆ์โปรดเอ็นดูยกดิฉันขึ้นเถิดเจ้าข้า 

       ภิกษุณีผู้ฉลาด ผู้สามารถ พึงประกาศให้สงฆ์ทราบด้วยญัตติกรรมวาจาว่าดังนี้ 



* * * ญัตติกรรมวาจา 

       แม่เจ้า เจ้าข้า ขอสงฆ์จงฟังดิฉัน 

       นางมีชื่อนี้ผู้นี้เป็นอุปสัมปทาเปกขะ ของแม่เจ้าชื่อนี้ 

       ถ้าความพร้อมพรั่งของสงฆ์ถึงที่แล้วดิฉันพึงถามอันตรายิกธรรมกะนางชื่อนี้ 



* * * คำถามอันตรายิกธรรม 

       แน่ะนางชื่อนี้ เธอจงฟังนะ นี้เป็นกาลสัตย์ กาลจริงของเธอ ฉันถามถึงสิ่งที่เกิดแล้วมีอยู่ เธอพึงบอกว่ามี ไม่มีเธอพึงบอกว่าไม่มี 

       เธอมิใช่ผู้ไม่มีนิมิตหรือ มิใช่ผู้มีสักแต่ว่านิมิตหรือ … 

       เธอชื่ออะไร ปวัตตินีของเธอชื่ออะไร  


       ภิกษุณีผู้ฉลาด ผู้สามารถ พึงประกาศให้สงฆ์ทราบ ด้วย ญัตติจตุตถกรรม วาจา /////  ว่าดังนี้ 



* * * ญัตติจตุตถกรรมวาจา 

       แม่เจ้า เจ้าข้า ขอสงฆ์จงฟังดิฉัน 

       นางมีชื่อนี้ผู้นี้ เป็นอุปสัมปทาเปกขะของแม่เจ้าชื่อนี้ บริสุทธิ์แล้วจากอันตรายิกธรรมทั้งหลาย บาตรจีวรของเธอครบแล้ว นางชื่อนี้ขออุปสมบทกะสงฆ์ มีแม่เจ้าชื่อนี้เป็นปวัตตินี

       ถ้าความพร้อมพรั่งของสงฆ์ถึงที่แล้ว สงฆ์พึงให้นางชื่อนี้อุปสมบท มีแม่เจ้าชื่อนี้เป็นปวัตตินี นี้เป็นญัตติ 


       แม่เจ้า เจ้าข้า ขอสงฆ์จงฟังดิฉัน 

       นางมีชื่อนี้ผู้นี้ เป็นอุปสัมปทาเปกขะของแม่เจ้าชื่อนี้ บริสุทธิ์แล้วจากอันตรายิกธรรมทั้งหลาย บาตรจีวรของเธอครบแล้ว นางชื่อนี้ขออุปสมบทกะสงฆ์ มีแม่เจ้าชื่อนี้เป็นปวัตตินี สงฆ์ให้นางชื่อนี้อุปสมบท มีแม่เจ้าชื่อนี้เป็นปวัตตินี  

       การอุปสมบทของนางชื่อนี้ มีแม่เจ้าชื่อนี้เป็นปวัตตินี ชอบแก่ท่านผู้ใด ท่านผู้นั้นพึงเป็นผู้นิ่ง 

       ไม่ชอบแก่ท่านผู้ใด ท่านผู้นั้นพึงพูด 


       ดิฉันกล่าวความนี้ แม้ครั้งที่สอง … 


       ดิฉันกล่าวความนี้ แม้ครั้งที่สาม 

       แม่เจ้า เจ้าข้า ขอสงฆ์จงฟังดิฉัน 

       นางมีชื่อนี้ผู้นี้ เป็นอุปสัมปทาเปกขะของแม่เจ้าชื่อนี้ บริสุทธิ์แล้วจากอันตรายิกธรรมทั้งหลาย บาตรจีวรของเธอครบแล้ว นางชื่อนี้ขออุปสมบทกะสงฆ์ มีแม่เจ้าชื่อนี้เป็นปวัตตินี สงฆ์ให้นางชื่อนี้อุปสมบท มีแม่เจ้าชื่อนี้เป็นปวัตตินี  

       การอุปสมบทนางชื่อนี้ มีแม่เจ้าชื่อนี้เป็นปวัตตินี ชอบแก่ท่านผู้ใด ท่านผู้นั้นพึงเป็นผู้นิ่ง  

       ไม่ชอบแก่ท่านผู้ใด ท่านผู้นั้นพึงพูด 


       นางชื่อนี้อันสงฆ์อุปสมบทแล้ว มีแม่เจ้าชื่อนี้เป็นปวัตตินีชอบแก่สงฆ์ เหตุนั้นจึงนิ่ง  

       ดิฉันทรงความนี้ไว้ด้วยอย่างนี้ 



( เนื้อหาข้างล่างนี้ มีเลขอ้างอิง ( บรรพ ) ในพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับหลวง เป็นเลขที่ : 579 )  


       ขณะนั้นเอง ภิกษุณีทั้งหลาย พึงพานางเข้าไปหาภิกษุสงฆ์ ให้ห่มผ้าเฉวียงบ่า ให้ไหว้เท้าภิกษุทั้งหลาย ให้นั่งกระหย่ง ประคองอัญชลี ขออุปสมบท ว่าดังนี 



* * * คำขออุปสมบท

       พระคุณเจ้าข้า ดิฉันชื่อนี้ เป็นอุปสัมปทาเปกขะ ของแม่เจ้าชื่อนี้ อุปสมบทแล้วในสงฆ์ฝ่ายเดียว บริสุทธิ์แล้วในภิกษุณีสงฆ์ 

       ดิฉันขออุปสมบทกะสงฆ์ ขอสงฆ์โปรดเอ็นดู ยกดิฉันขึ้นเถิดเจ้าข้า 


       พระคุณเจ้าข้า ดิฉันชื่อนี้ เป็นอุปสัมปทาเปกขะ ของแม่เจ้าชื่อนี้ อุปสมบทแล้วในสงฆ์ฝ่ายเดียว บริสุทธิ์แล้วในภิกษุณีสงฆ์ 

       ดิฉันขออุปสมบทกะสงฆ์ แม้ครั้งที่สอง ขอสงฆ์โปรดเอ็นดู ยกดิฉันขึ้นเถิดเจ้าข้า 


       พระคุณเจ้าข้า ดิฉันชื่อนี้ เป็นอุปสัมปทาเปกขะ ของแม่เจ้าชื่อนี้ อุปสมบทแล้วในสงฆ์ฝ่ายเดียว บริสุทธิ์แล้วในภิกษุณีสงฆ์ 

       ดิฉันขออุปสมบทกะสงฆ์ แม้ครั้งที่สาม ขอสงฆ์โปรดเอ็นดู ยกดิฉันขึ้นเถิดเจ้าข้า 



( เนื้อหาข้างล่างนี้ มีเลขอ้างอิง ( บรรพ ) ในพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับหลวง เป็นเลขที่ : 580 )  


       ภิกษุผู้ฉลาด ผู้สามารถ พึงประกาศให้สงฆ์ทราบด้วยญัตติจตุตถกรรมวาจาว่าดังนี้ 


* * * ญัตติจตุตถกรรมวาจา 

       ท่านเจ้าข้า ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า  

       นางมีชื่อนี้ผู้นี้ เป็นอุปสัมปทาเปกขะของแม่เจ้าชื่อนี้ อุปสมบทแล้วในสงฆ์ฝ่ายเดียว บริสุทธิ์แล้วในภิกษุณีสงฆ์

       นางชื่อนี้ขออุปสมบทกะสงฆ์ มีแม่เจ้าชื่อนี้เป็นปวัตตินี  

       ถ้าความพร้อมพรั่งของสงฆ์ถึงที่แล้ว สงฆ์พึงให้นางชื่อนี้อุปสมบท มีแม่เจ้าชื่อนี้เป็นปวัตตินี 

       นี้เป็นญัตติ 


       ท่านเจ้าข้า ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า 

       นางมีชื่อนี้ผู้นี้ เป็นอุปสัมปทาเปกขะของแม่เจ้าชื่อนี้ อุปสมบทแล้วในสงฆ์ฝ่ายเดียว บริสุทธิ์แล้วในภิกษุณีสงฆ์

       นางชื่อนี้ขออุปสมบทกะสงฆ์ มีแม่เจ้าชื่อนี้เป็นปวัตตินี สงฆ์ให้นางชื่อนี้อุปสมบท มีแม่เจ้าชื่อนี้เป็นปวัตตินี  

       การอุปสมบทของนางชื่อนี้ มีแม่เจ้าชื่อนี้เป็นปวัตตินี ชอบแก่ท่านผู้ใด ท่านผู้นั้นพึงเป็นผู้นิ่ง  

       ไม่ชอบแก่ท่านผู้ใด ท่านผู้นั้นพึงพูด 


       ข้าพเจ้ากล่าวความนี้ แม้ครั้งที่สอง … 


       ข้าพเจ้ากล่าวความนี้ แม้ครั้งที่สาม ท่านเจ้าข้า ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า นางมีชื่อนี้ผู้นี้ เป็นอุปสัมปทาเปกขะของแม่เจ้าชื่อนี้ อุปสมบทแล้วในสงฆ์ฝ่ายเดียว บริสุทธิ์แล้วในภิกษุณีสงฆ์ 

       นางชื่อนี้ขออุปสมบทกะสงฆ์ มีแม่เจ้าชื่อนี้เป็นปวัตตินี สงฆ์ให้นางชื่อนี้อุปสมบท มีแม่เจ้าชื่อนี้เป็นปวัตตินี  

       การอุปสมบทของนางชื่อนี้ มีแม่เจ้าชื่อนี้เป็นปวัตตินี ชอบแก่ท่านผู้ใด ท่านผู้นั้นพึงเป็นผู้นิ่ง 

       ไม่ชอบแก่ท่านผู้ใด ท่านผู้นั้นพึงพูด 


       นางชื่อนี้อันสงฆ์อุปสมบทแล้ว มีแม่เจ้าชื่อนี้เป็นปวัตตินี ชอบแก่สงฆ์เหตุนั้นจึงนิ่ง 

       ข้าพเจ้าทรงความนี้ไว้ด้วยอย่างนี้ 



วัดเงาแดดเป็นต้น


( เนื้อหาข้างล่างนี้ มีเลขอ้างอิง ( บรรพ ) ในพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับหลวง เป็นเลขที่ : 581 )  


       ทันใดนั้นพึงวัดเงาแดด พึงบอกประมาณแห่งฤดู พึงบอกส่วนแห่งวัน พึงบอกข้อเบ็ดเสร็จ พึงสั่งภิกษุณีทั้งหลายว่า พวกเธอจงบอกนิสัย 3  อกรณียกิจ 8 แก่ภิกษุณีนี 



( เนื้อหาข้างล่างนี้ มีเลขอ้างอิง ( บรรพ ) ในพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับหลวง เป็นเลขที่ : 582 )  


       โดยสมัยนั้นแล ภิกษุณีทั้งหลายยึดถืออาสนะในโรงภัตร ยับยั้งอยู่ตลอดกาล 

       … ตรัสว่า 

       ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตภิกษุณี 8 รูป ตามลำดับพรรษา

       ภิกษุณีนอกนั้นตามลำดับที่มา 



( เนื้อหาข้างล่างนี้ มีเลขอ้างอิง ( บรรพ ) ในพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับหลวง เป็นเลขที่ : 583 )  


       โดยสมัยนั้นแล ภิกษุณีทั้งหลายปรึกษากันว่า พระผู้มีพระภาคทรงอนุญาตภิกษุณี 8 รูปตามลำดับพรรษา ภิกษุณีนอกนั้นตามลำดับที่มา ในที่ ทุกแห่ง ภิกษุณี 8 รูปเท่านั้นห้ามตามลำดับพรรษา นอกนั้นตามลำดับที่มา

       … ตรัสว่า 

       ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในโรงภัตรเราอนุญาตภิกษุณี 6 รูป ตามลำดับพรรษา 

       นอกนั้นตามลำดับที่มา 

       ในที่อื่นไม่พึงห้ามตามลำดับพรรษา 

       รูปใดห้าม ต้องอาบัติทุกกฏ 




* * * ( ข้างบนนี้-ทั้งหมด ) นำมาจากพระไตรปิฎก  /  หัวข้อใหญ่สุด : อาจารโคจรสมฺปนฺนา  /  หัวข้อย่อยรองลงมา : คัมภีร์ จุลวรรค ภาค 2 ( วินัยปิฎก เล่มที่ 7 )  /  หัวข้อย่อยรองลงมา : ขันธ์ที่ 6 : ภิกขุนีขันธกะ  /  หัวข้อย่อยรองลงมา : ภิกขุนีขันธกะ : อันตรายิกธรรมของภิกษุณี  



* * * อีกช่องทางหนึ่ง คือ สามารถอ่านได้ใน หนังสือ พุทธวจน เรื่อง อริยวินัย  /  หน้าที่ : 980 , 981 , 982 , 983 , 984 , 985 , 986 , 987




- จบ -