Tuesday, September 20, 2022

อัญญเดียรถีย์

 




       อัญญเดียรถีย์ ( อ่านว่า อัน-ยะ-เดีย-ระ-ถี ) คือ ผู้ถือลัทธินอกพระพุทธศาสนา  



ข้างบนนี้ เอาข้อมูลมาจาก : https://dekgenius.com/dictionary/religion/buddhism-1614.htm 


- - - - - - - - - - - - - - - - - - -  

อัญเดียรถีย์ 

       บางทีก็แฝงอยู่ในพระศาสนานี้เอง

       อ่านว่า อัน-ยะ-เดีย-ระ-ถี 

       ประกอบด้วยคำว่า อัญ + เดียรถีย์ 


       ( 1 ) “อัญ” 

       บาลีเป็น “อญฺญ” ( อัน-ยะ , ญหญิง 2 ตัว ) รากศัพท์มาจาก น ( คำนิบาต = ไม่ , ไม่ใช่ ) + ญา ( ธาตุ = รู้ ) + อ ( อะ ) ปัจจัย , แปลง น เป็น อ , ซ้อน ญฺ ระหว่างนิบาตกับธาตุ ( น + ญฺ+ ญา ) , “ลบสระหน้า” คือลบ อา ที่ ญา ( ญา > ญ ) 

       : น > อ+ ญฺ + ญา = อญฺญา > อญฺญ + อ = อญฺญ แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งอันเขาไม่รู้”

       “อญฺญ” ( คุณศัพท์ ) หมายถึง อื่น , ไม่เหมือนกัน , ต่างกัน , อันอื่น , คนอื่น ( other , not the same , different , another , somebody else ) 

       “อญฺญ” ภาษาไทย ถ้าเป็นส่วนหน้าของคำสมาส ตัดตัวสะกดออกตัวหนึ่ง ใช้เป็น “อัญ-” 

       พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

       “อัญ- , อัญญะ : ( คำวิเศษณ์ ) อื่น , ต่างไป , แปลกไป  ( ป. อญฺญ; ส. อนฺย )” 


       ( 2 ) “เดียรถีย์” 

       บาลีเป็น “ติตฺถิย” รากศัพท์มาจาก ติตฺถ + อิย ปัจจัย 

       ( ก ) “ติตฺถ” ( ติด-ถะ ) รากศัพท์มาจาก ตรฺ ( ธาตุ = ข้าม ) + ถ ปัจจัย , แปลง อะ ที่ ต- ( รฺ ) เป็น อิ , แปลง ร เป็น ต ( ตรฺ > ติรฺ > ติตฺ ) 

       : ตรฺ + ถ = ตรถ > ติรถ > ติตฺถ แปลตามศัพท์ว่า ( 1 ) “ที่เป็นเครื่องข้ามฟาก” ( 2 ) “ที่เป็นที่ข้ามฟาก” ( 3 ) “ความเห็นเป็นที่ให้สัตว์ทั้งหลายกระโดดดำผุดดำว่ายอยู่ในทิฐิหกสิบสอง” 

       หนังสือ ศัพท์วิเคราะห์ ของ พระมหาโพธิวงศาจารย์ ( ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙ , ราชบัณฑิต ) แปล “ติตฺถ” ว่า ท่าน้ำ , ครูอาจารย์ , เหตุ , ลัทธิ , ทิฐิ , น้ำศักดิ์สิทธิ์ 


       พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “ติตฺถ” ดังนี้ – 

              ( 1 ) a fording place , landing place , which made a convenient bathing place ( สถานที่ลุยน้ำข้ามฟาก , ท่าน้ำซึ่งเป็นสถานที่อาบน้ำอย่างเหมาะเจาะ ) 

              ( 2 ) a sect ( นิกายทางศาสนา ) 

       ในที่นี้ “ติตฺถ” ซึ่งแต่เดิมหมายถึง ท่าน้ำ แต่ความหมายโดยนัยกลายเป็นนิกายทางศาสนา 


       ( ข ) ติตฺถ + อิย ปัจจัย 

       : ติตฺถ + อิย = ติตฺถิย แปลตามศัพท์ว่า “ประกอบในลัทธิ” 

       บาลี “ติตฺถิย” ภาษาไทยใช้เป็น “เดียรถีย์” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า – 

       “เดียรถีย์ : ( คำนาม ) นักบวชภายนอกพระพุทธศาสนาในอินเดียสมัยพุทธกาล  ( ส. ตีรฺถิย ; ป. ติตฺถิย )” 

       อญฺญ + ติตฺถิย = อญฺญติตฺถิย( อัน-ยะ-ติด-ถิ-ยะ ) แปลตามศัพท์ว่า “พวกประกอบในลัทธิอื่นโดยอาการที่ไม่รู้” หมายถึง ผู้ถือลัทธิอื่น , ผู้มิใช่ชาวพุทธ , เดียรถีย์ ( an adherent of another sect , a non-Buddhist ) 

       “อญฺญติตฺถิย” ใช้ในภาษาไทยเป็น “อัญดิตถีย์” ( อัน-ยะ-ดิด-ถี ) และ “อัญเดียรถีย์” ( อัน-ยะ-เดีย-ระ-ถี ) 


       พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554บอกไว้ว่า – 

       “อัญดิตถีย์, อัญเดียรถีย์ : ( คำนาม ) พวกที่มีความเชื่อถืออย่างอื่น , พวกนอกพระพุทธศาสน. ( ป. อญฺญติตฺถิย ; ส. อนฺย + ตีรฺถฺย )” 


       อภิปรายขยายความ : 

       “ติตฺถ” ตามตัวแปลว่า “ข้ามไป” ความหมายที่เข้าใจกันคือ ท่าน้ำ , ท่าเรือ , ฝั่ง , ท่าลง , ช่องลง , อวตาร ( การลงมาแก้ปัญหา ) , ผู้สอน , ครู , อุบาย , ทฤษฎี , ลัทธิ , ความเชื่อถือ 


       แนวคิดเชิงปรัชญามองว่า 

       - ปัญหาชีวิตเปรียบเหมือนฟากฝั่งที่กำลังยืนอยู่ 

       - การแก้ปัญหาได้สำเร็จหรือหลุดพ้นจากปัญหาเปรียบเหมือนการข้ามไปถึงอีกฝั่งหนึ่ง 

       - ผู้ทำหน้าที่ชี้ทางแก้ปัญหาเปรียบเหมือนท่าน้ำอันเป็นที่ข้ามไปยังอีกฝั่งหนึ่ง 


       “ติตฺถิย” มีความหมายตามศัพท์ว่า “ผู้อยู่ในฐานะเป็นท่าน้ำ” ( เป็นความหมายเชิงปรัชญา ) 

       “ติตฺถิย- เดียรถีย์” คำเดิมจึงหมายถึง “เจ้าลัทธิ”


       พระศรีศากยมุนีโคดมทรงศึกษาคำสอนของเจ้าลัทธิทั้งปวงจบสิ้นแล้วจึงทรงประกาศพระพุทธศาสนาอันมีคำสอนที่แตกต่างจากลัทธิทั้งหลายโดยสิ้นเชิง คำว่า “เดียรถีย์” จึงมีความหมายว่า “เจ้าลัทธินอกพระพุทธศาสนา” 


       เรามักใช้คำว่า “เดียรถีย์” ในความหมายว่า ผู้กระทำการลบหลู่จ้วงจาบพระพุทธศาสนาหรือแสดงคำสอนที่วิปริตผิดธรรมวินัย

       เส้นแบ่งความหมายที่น่าจะชัดเจน คือ -

       1 ผู้กระทำการลบหลู่จ้วงจาบพระพุทธศาสนา ถ้าเป็นบุคคลภายนอก เรียกว่า “เดียรถีย์” ถ้าเป็นบุคคลภายในก็ขาดจากความเป็นชาวพุทธทันที 

       2 พระสงฆ์ที่ประพฤติล่วงละเมิดหรือแสดงคำสอนที่วิปริตผิดธรรมวินัย มีคำเรียกอยู่แล้วว่า “อลัชชี” ( ผู้ไร้ยางอาย ) 

       “เดียรถีย์” และ “อัญเดียรถีย์” มีความหมายเหมือนกัน

       ภาษาไทยมักพูดกันว่า “เดียรถีย์” และแทบจะไม่มีใครรู้จักคำว่า “อัญเดียรถีย์”


ความจริงเตือนใจ :

       - พระพุทธศาสนาไม่มีคำสอนและไม่เคยมีประวัติที่ทำลายหรือทำร้ายต่างศาสนา

       - เคยมีแต่ถูกทำลายหรือถูกทำร้ายโดยต่างศาสนา รวมทั้งโดยผู้ที่อยู่ในพระพุทธศาสนาด้วยกันนี่เอง-โดยเฉพาะที่มีความเห็นและความประพฤติวิปริผิดจากคำสอนที่ถูกต้อง



ข้างบนนี้ เอาข้อมูลมาจาก : http://dhamma.serichon.us/2020/09/23/อัญเดียรถีย์-บางทีก็แฝง/  


- - - - - - - - - - - - - - - - - - -  


- จบ -