สกทาคามี ( บาลี: Sakadāgāmī; สันสกฤต: Sakṛdāgāmin ) หรือ สกิทาคามี แปลว่า ผู้จะมาสู่โลกนี้เพียงอีกครั้งเดียว เป็นชื่อเรียกพระอริยบุคคลลำดับที่ 2 ใน 4 ประเภท
คัมภีร์สุมังคลวิลาสินีอธิบายว่าคำว่า "โลกนี้" หมายถึงกามาวจรโลก กล่าวคือ ผู้บรรลุสกทาคามีในมนุษยโลกแล้วไปเกิดในเทวโลก สามารถบรรลุเป็นพระอรหันต์ในเทวโลกนั้นได้ หากไม่ได้อรหัตตผล จะมาเกิดเป็นมนุษย์แล้วบรรลุอรหัตตผลอย่างแน่นอน
ฝ่ายผู้บรรลุสกทาคามีในเทวโลกแล้วมาเกิดในมนุษยโลก สามารถบรรลุอรหัตตผลในมนุษยโลกนั้นได้ หากไม่ได้ จะกลับไปเกิดในเทวโลกแล้วบรรลุอรหัตตผลอย่างแน่นอน
การละสังโยชน์
เมื่อละสังโยชน์เบื้องต่ำ 3 ประการ เป็นพระโสดาบันได้แล้ว และทำสังโยชน์เบื้องต่ำอีกสองประการที่เหลือให้เบาบางลงด้วย จึงเป็นพระสกทาคามี ได้แก่
* * * กามราคะ หมายถึง ความพอใจในกาม คือ การความเพลินในการได้เสพ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ธรรมารมณ์ ที่น่าพอใจ
* * * ปฏิฆะ หมายถึง ความกระทบกระทั่งในใจ คล้ายความพยาบาทอย่างละเอียด
หากสังโยชน์เบื้องต่ำทั้งสองประการนี้หมดไปก็จะเป็นพระอนาคามี
ประเภท
ในพระไตรปิฎกภาษาบาลี ไม่ได้ระบุประเภทของพระสกทาคามีไว้ มีเพียงคัมภีร์ชั้นหลัง เช่น
คัมภีร์ปรมัตถโชติกา แบ่งไว้ 3 ประเภท คือ สกทาคามีในกามภพ 1 ในรูปภพ 1 และในอรูปภพ 1
คัมภีร์ปรมัตถมัญชุสา แบ่งไว้ 5 ประเภท คือ ผู้บรรลุใน ( มนุษย ) โลกนี้แล้วปรินิพพานในโลกนี้เอง 1 ผู้บรรลุในโลกนี้แล้ว ปรินิพพานในเทวโลก 1 ผู้บรรลุในเทวโลกแล้ว ปรินิพพานในเทวโลกนั้นเอง 1 ผู้บรรลุในเทวโลกแล้ว เกิดในโลกนี้จึงปรินิพพาน 1 ผู้บรรลุในโลกนี้แล้ว ไปเกิดในเทวโลกหมดอายุแล้ว กลับมาเกิดในโลกนี้จึงปรินิพพาน 1 ทั้งนี้ พระสกทาคามีที่กล่าวถึงในพระไตรปิฎกภาษาบาลีหมายเอาประเภทที่ 5 อย่างเดียว
ตัวอย่างบุคคลผู้บรรลุสกทาคามิผลในพุทธกาล
* * * นางสุมนาเทวี ธิดาของอนาถบิณฑิกเศรษฐี
ข้างบนนี้ เอาข้อมูลมาจาก : https://th.wikipedia.org/wiki/สกทาคามี
- - - - - - - - - - - - - - - - - - -
- จบ -