Friday, February 19, 2021

อานิสงส์แห่งกายคตาสติ

 

พุทธวจน - คําสอนจากพระโอษฐ์ พระพุทธเจ้า

เรื่อง อานิสงส์แห่งกายคตาสติ

       ภิกษุทั้งหลาย!  กายคตาสติอันภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง เจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว กุศลธรรมอย่างใดอย่างหนึ่งซึ่งเป็นไปในส่วนวิชชา ย่อมหยั่งลงในภายในของภิกษุนั้น เปรียบเหมือนมหาสมุทรอันผู้ใดผู้หนึ่งถูกต้องด้วยใจแล้ว แม่น้ำน้อยสายใดสายหนึ่งซึ่งไหลไปสู่สมุทร ย่อมหยั่งลงในภายในของผู้นั้นฉะนั้น

       ภิกษุทั้งหลาย!  ธรรมข้อหนึ่ง อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว เป็นไปเพื่อความสังเวชมาก เป็นไปเพื่อประโยชน์มาก เป็นไปเพื่อความเกษมจากโยคะมาก เป็นไปเพื่อสติและสัมปชัญญะ เป็นไปเพื่อได้ญาณทัสสนะ เป็นไปเพื่ออยู่เป็นสุขในปัจจุบัน เป็นไปเพื่อทำให้แจ้งซึ่งผล คือวิชชาและวิมุตติ

       ธรรมข้อหนึ่งคืออะไร คือ กายคตาสติ

       ภิกษุทั้งหลาย!  ธรรมข้อหนึ่งนี้แล อันบุคคลอบรมแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความสังเวชมาก ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์มาก ย่อมเป็นไปเพื่อความเกษมจากโยคะมาก ย่อมเป็นไปเพื่อสติและสัมปชัญญะ ย่อมเป็นไปเพื่อได้ญาณทัสสนะ ย่อมเป็นไปเพื่ออยู่เป็นสุขในปัจจุบัน ย่อมเป็นไปเพื่อทำ ให้แจ้งซึ่งผลคือ วิชชาและวิมุตติ

       ภิกษุทั้งหลาย!  ธรรมข้อหนึ่ง อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว แม้กายก็สงบ แม้จิตก็สงบ แม้วิตกวิจารก็สงบ ธรรมที่เป็นไปในส่วนแห่งวิชชาแม้ทั้งสิ้นก็ถึงความเจริญบริบูรณ์

       ธรรมข้อหนึ่ง คืออะไร คือ กายคตาสติ

       ภิกษุทั้งหลาย!  ธรรมข้อหนึ่งนี้แล อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว แม้กายก็สงบ แม้จิตก็สงบ แม้วิตกวิจารก็สงบ ธรรมที่เป็นไปในส่วนแห่งวิชชาแม้ทั้งสิ้น ก็ถึงความเจริญบริบูรณ์

       ภิกษุทั้งหลาย!  ธรรมข้อหนึ่ง อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว อกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ย่อมไม่เกิดขึ้นได้เลย และอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมละเสียได้

       ธรรมข้อหนึ่ง คืออะไร คือ กายคตาสติ

       ภิกษุทั้งหลาย!  ธรรมข้อหนึ่งนี้แล อันบุคคล เจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว อกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ย่อมไม่เกิดขึ้นได้เลย และอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมละเสียได้

       ภิกษุทั้งหลาย!  ธรรมข้อหนึ่ง อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว กุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ย่อมเกิดขึ้น และกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความเจริญไพบูลย์ยิ่ง

       ธรรมข้อหนึ่ง คืออะไร คือ กายคตาสติ

       ภิกษุทั้งหลาย!  ธรรมข้อหนึ่งนี้แล อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว กุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ย่อมเกิดขึ้น และกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความเจริญไพบูลย์ยิ่ง

       ภิกษุทั้งหลาย!  ธรรมข้อหนึ่ง อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมละอวิชชาเสียได้ วิชชาย่อมเกิดขึ้น ย่อมละอัส๎มิมานะเสียได้ อนุสัยย่อมถึงความเพิกถอน ย่อมละสังโยชน์เสียได้

       ธรรมข้อหนึ่ง คืออะไร คือ กายคตาสติ

       ภิกษุทั้งหลาย!  ธรรมข้อหนึ่งนี้แล อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมละอวิชชาเสียได้ วิชชาย่อมเกิดขึ้น ย่อมละอัส๎มิมานะเสียได้ อนุสัยย่อมถึงความเพิกถอน ย่อมละสังโยชน์เสียได้

       ภิกษุทั้งหลาย!  ธรรมข้อหนึ่ง อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความแตกฉานแห่งปัญญา ย่อมเป็นไปเพื่ออนุปาทาปรินิพพาน

       ธรรมข้อหนึ่ง คืออะไร คือ กายคตาสติ

       ภิกษุทั้งหลาย!  ธรรมข้อหนึ่งนี้แล อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความแตกฉานแห่งปัญญา ย่อมเป็นไปเพื่ออนุปาทาปรินิพพาน

       ภิกษุทั้งหลาย!  ธรรมข้อหนึ่ง อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมมีการแทงตลอดธาตุมากหลาย ย่อมมีการแทงตลอดธาตุต่างๆ ย่อมมีความแตกฉานในธาตุมากหลาย

       ธรรมข้อหนึ่ง คืออะไร คือ กายคตาสติ

       ภิกษุทั้งหลาย!  ธรรมข้อหนึ่งนี้แล อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมมีการแทงตลอดธาตุมากหลาย ย่อมมีการแทงตลอดธาตุต่างๆ ย่อมมีความแตกฉานในธาตุมากหลาย

       ภิกษุทั้งหลาย!  ธรรมข้อหนึ่ง อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อทำโสดาปัตติผลให้แจ้ง ย่อมเป็นไปเพื่อทำสกทาคามิผลให้แจ้ง ย่อมเป็นไปเพื่อทำอนาคามิผลให้แจ้ง ย่อมเป็นไปเพื่อทำอรหัตตผลให้แจ้ง

       ธรรมข้อหนึ่ง คืออะไร คือ กายคตาสติ 

       ภิกษุทั้งหลาย!  ธรรมข้อหนึ่งนี้แล อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อทำโสดาปัตติผลให้แจ้ง ย่อมเป็นไปเพื่อทำสกทาคามิผลให้แจ้ง ย่อมเป็นไปเพื่อทำอนาคามิผลให้แจ้ง ย่อมเป็นไปเพื่อทำอรหัตตผลให้แจ้ง

       ภิกษุทั้งหลาย!  ธรรมข้อหนึ่ง อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว

       ย่อมเป็นไปเพื่อได้ปัญญา ( ปญฺญาปฏิลาภาย )

       ย่อมเป็นไปเพื่อความเจริญแห่งปัญญา ( ปญฺญาวุฑฺฒิยา )

       ย่อมเป็นไปเพื่อความไพบูลย์แห่งปัญญา ( ปญฺญาเวปุลฺลาย )

       ย่อมเป็นไปเพื่อความเป็นผู้มีปัญญาใหญ่ ( มหาปญฺญตาย )

       ย่อมเป็นไปเพื่อความเป็นผู้มีปัญญาแน่นหนา ( ปุถุปญฺญตาย )

       ย่อมเป็นไปเพื่อความเป็นผู้มีปัญญาไพบูลย์ ( วิปุลปญฺญตาย )

       ย่อมเป็นไปเพื่อความเป็นผู้มีปัญญาลึกซึ้ง ( คมฺภีรปญฺญตาย ) 
 
       ย่อมเป็นไปเพื่อความเป็นผู้มีปัญญาสามารถยิ่ง ( อสมตฺถปญฺญตาย )

       ย่อมเป็นไปเพื่อความเป็นผู้มีปัญญาเพียงดังแผ่นดิน ( ภูริปญฺญตาย )

       ย่อมเป็นไปเพื่อความเป็นผู้มีปัญญามาก ( ปญฺญาพาหุลฺลาย ) 

       ย่อมเป็นไปเพื่อความเป็นผู้มีปัญญาเร็ว ( สีฆปญฺญตาย ) 

       ย่อมเป็นไปเพื่อความเป็นผู้มีปัญญาเบา ( ลหุปญฺญตาย ) 

       ย่อมเป็นไปเพื่อความเป็นผู้มีปัญญาร่าเริง ( หาสปญฺญตาย ) 

       ย่อมเป็นไปเพื่อความเป็นผู้มีปัญญาไว ( ชวนปญฺญตาย ) 

       ย่อมเป็นไปเพื่อความเป็นผู้มีปัญญาคม ( ติกฺขปญฺญตาย ) 

       ย่อมเป็นไปเพื่อความเป็นผู้มีปัญญาชำแรกกิเลส ( นิพฺเพธิกปญฺญตาย )

       ธรรมข้อหนึ่ง คืออะไร คือ กายคตาสติ

       ภิกษุทั้งหลาย!  ธรรมข้อหนึ่งนี้แล อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อได้ปัญญา ฯลฯ ย่อมเป็นไปเพื่อความเป็นผู้มีปัญญาชำแรกกิเลส

       ภิกษุทั้งหลาย!  ชนเหล่าใด ไม่บริโภคกายคตาสติ ชนเหล่านั้นชื่อว่าย่อมไม่บริโภคอมตะ

       ภิกษุทั้งหลาย!  ชนเหล่าใด บริโภคกายคตาสติ ชนเหล่านั้นชื่อว่าย่อมบริโภคอมตะ

       ภิกษุทั้งหลาย!  กายคตาสติอันชนเหล่าใดไม่บริโภคแล้ว อมตะชื่อว่าอันชนเหล่านั้นไม่บริโภคแล้ว

       ภิกษุทั้งหลาย!  กายคตาสติอันชนเหล่าใดบริโภคแล้ว อมตะชื่อว่าอันชนเหล่านั้นบริโภคแล้ว

       ภิกษุทั้งหลาย!  กายคตาสติของชนเหล่าใดเสื่อมแล้ว อมตะของชนเหล่านั้นชื่อว่าเสื่อมแล้ว

       ภิกษุทั้งหลาย!  กายคตาสติของชนเหล่าใดไม่เสื่อมแล้ว อมตะของชนเหล่านั้นชื่อว่าไม่เสื่อมแล้ว

       ภิกษุทั้งหลาย!  กายคตาสติอันชนเหล่าใดเบื่อแล้ว อมตะชื่อว่าอันชนเหล่านั้นเบื่อแล้ว

       ภิกษุทั้งหลาย!  กายคตาสติอันชนเหล่าใดชอบใจแล้ว อมตะชื่อว่าอันชนเหล่านั้นชอบใจแล้ว 

       ภิกษุทั้งหลาย!  ชนเหล่าใดประมาทกายคตาสติ ชนเหล่านั้นชื่อว่าประมาทอมตะ

       ภิกษุทั้งหลาย!  ชนเหล่าใดไม่ประมาทกายคตาสติ ชนเหล่านั้นชื่อว่าไม่ประมาทอมตะ

       ภิกษุทั้งหลาย!  กายคตาสติอันชนเหล่าใดหลงลืม อมตะชื่อว่าอันชนเหล่านั้นหลงลืม

       ภิกษุทั้งหลาย!  กายคตาสติอันชนเหล่าใดไม่หลงลืม อมตะชื่อว่าอันชนเหล่านั้นไม่หลงลืม

       ภิกษุทั้งหลาย!  กายคตาสติอันชนเหล่าใดไม่ส้องเสพแล้ว อมตะชื่อว่าอันชนเหล่านั้นไม่ส้องเสพแล้ว

       ภิกษุทั้งหลาย!  กายคตาสติอันชนเหล่าใดส้องเสพแล้ว อมตะชื่อว่าอันชนเหล่านั้นส้องเสพแล้ว

       ภิกษุทั้งหลาย!  กายคตาสติอันชนเหล่าใดไม่เจริญแล้ว อมตะชื่อว่าอันชนเหล่านั้นไม่เจริญแล้ว 

       ภิกษุทั้งหลาย!  กายคตาสติอันชนเหล่าใดเจริญแล้ว อมตะชื่อว่าอันชนเหล่านั้นเจริญแล้ว

       ภิกษุทั้งหลาย !  กายคตาสติอันชนเหล่าใดไม่ทำให้มากแล้ว อมตะชื่อว่าอันชนเหล่านั้นไม่ทำให้มากแล้ว 

       ภิกษุทั้งหลาย !  กายคตาสติอันชนเหล่าใดทำให้มากแล้ว อมตะชื่อว่าอันชนเหล่านั้นทำให้มากแล้ว

       ภิกษุทั้งหลาย!  กายคตาสติอันชนเหล่าใดไม่รู้ด้วยปัญญาอันยิ่ง อมตะชื่อว่าอันชนเหล่านั้นไม่รู้ด้วยปัญญาอันยิ่ง

       ภิกษุทั้งหลาย!  กายคตาสติอันชนเหล่าใดรู้ด้วยปัญญาอันยิ่ง อมตะชื่อว่าอันชนเหล่านั้นรู้ด้วยปัญญาอันยิ่ง

       ภิกษุทั้งหลาย !  กายคตาสติอันชนเหล่าใดไม่กำหนดรู้แล้ว อมตะชื่อว่าอันชนเหล่านั้นไม่กำหนดรู้แล้ว 

       ภิกษุทั้งหลาย!  กายคตาสติอันชนเหล่าใดกำหนดรู้แล้ว อมตะชื่อว่าอันชนเหล่านั้นกำหนดรู้แล้ว

       ภิกษุทั้งหลาย !  กายคตาสติอันชนเหล่าใดไม่ทำให้แจ้งแล้ว อมตะชื่อว่าอันชนเหล่านั้นไม่ทำให้แจ้งแล้ว 

       ภิกษุทั้งหลาย !  กายคตาสติอันชนเหล่าใดทำให้แจ้งแล้ว อมตะชื่อว่าอันชนเหล่านั้นทำให้แจ้งแล้ว ดังนี้ 

* * * ( ข้างบนนี้-ทั้งหมด ) คัดมาจากหนังสือ พุทธวจน เรื่อง อานาปานสติ  /  หัวข้อใหญ่ : ธรรมะแวดล้อม  /  หัวข้อย่อย : อานิสงส์แห่งกายคตาสติ  /  หัวข้อเลขที่ : 32  /  -บาลี เอก. อํ. 20/55-60/225-246.  /  หน้าที่ : 141 , 142 , 143 , 144 , 145 , 146 , 147 , 148 , 149 

- END -