Wednesday, March 31, 2021

อุปมาความสุขบนสวรรค์

 

พุทธวจน - คําสอนจากพระโอษฐ์ พระพุทธเจ้า

เรื่อง อุปมาความสุขบนสวรรค์

       ภิกษุทั้งหลาย!  บัณฑิตนั้นนั่นแล ประพฤติสุจริตทางกาย ทางวาจา ทางใจแล้ว เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ 

       ภิกษุทั้งหลาย!  บุคคลเมื่อจะกล่าวให้ถูกต้อง พึงกล่าวถึงสวรรค์นั้นนั่นแหละว่า เป็นสถานที่ที่น่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจโดยส่วนเดียว

       ภิกษุทั้งหลาย!  เพียงเท่านี้แม้จะเปรียบอุปมาถึงความสุขในสวรรค์ ก็ไม่ใช่ง่ายนัก

       ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ!  อาจเปรียบอุปมาได้หรือไม่?

       ภิกษุทั้งหลาย!  อาจเปรียบได้

       ภิกษุทั้งหลาย!  เปรียบเหมือนพระเจ้าจักรพรรดิ ทรงประกอบด้วยแก้ว 7 ประการและความสัมฤทธิผล 4 อย่าง จึงเสวยสุขโสมนัสอันมีสิ่งเหล่านั้นเป็นเหตุได้

       พระเจ้าจักรพรรดิทรงประกอบด้วยแก้ว 7 ประการ อย่างไรเล่า ? 

       ( 1 ) ภิกษุทั้งหลาย!  พระราชามหากษัตริย์ในโลกนี้ ผู้ทรงได้มุรธาภิเษกแล้ว ทรงสรงสนานพระเศียร ทรงรักษาอุโบสถในดิถีที่ 15 ซึ่งวันนั้นเป็นวันอุโบสถ เมื่อประทับอยู่ในมหาปราสาทชั้นบน ย่อมปรากฏจักรแก้วทิพย์มีกำตั้งพัน พร้อมด้วยกงและดุม บริบูรณ์ด้วยอาการทุกอย่าง ครั้นทอดพระเนตรแล้วได้มีพระราชดำริดังนี้ว่า

       “ก็เราได้สดับมาดังนี้แล พระราชาพระองค์ใด ผู้ทรงได้มุรธาภิเษกแล้ว ทรงสรงสนานพระเศียร ทรงรักษาอุโบสถในดิถีที่ 15 ซึ่งวันนั้นเป็นวันอุโบสถ เมื่อประทับอยู่ในมหาปราสาทชั้นบน ย่อมปรากฏจักรแก้วทิพย์ มีกำตั้งพัน พร้อมด้วยกงและดุม บริบูรณ์ด้วยอาการทุกอย่าง พระราชานั้นย่อมเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ เราเป็นพระเจ้าจักรพรรดิหรือหนอ” 

       ภิกษุทั้งหลาย!  ต่อนั้น พระองค์เสด็จลุกจากราชอาสน์ ทรงจับพระเต้าน้ำ ด้วยพระหัตถ์ซ้าย ทรงหลั่งรดจักรแก้วด้วยพระหัตถ์ขวา รับสั่งว่า “จงพัดผันไปเถิดจักรแก้วผู้เจริญ จักรแก้ว ผู้เจริญจงพิชิตให้ยิ่งเถิด” 

       ลำดับนั้น จักรแก้ว นั้นก็พัดผันไปทางทิศตะวันออก พระเจ้าจักรพรรดิพร้อมด้วยจตุรงคเสนาก็เสด็จตามไป จักรแก้ว ประดิษฐานอยู่ ณ ประเทศใด พระเจ้าจักรพรรดิก็เสด็จเข้าประทับ ณ ประเทศนั้น พร้อมด้วยจตุรงคินีเสนา บรรดาพระราชาที่เป็นปฏิปักษ์ในทิศตะวันออก เข้ามาเฝ้าพระเจ้าจักรพรรดิแล้วทูลอย่างนี้ว่า “เชิญเสด็จเถิด มหาราช! พระองค์เสด็จมาดีแล้ว มหาราช! ข้าแต่มหาราช!แผ่นดินนี้เป็นของพระองค์ ขอพระองค์จงสั่งการเถิด”

       พระเจ้าจักรพรรดิรับสั่งอย่างนี้ว่า “ท่านทุกคนไม่ควรฆ่าสัตว์ ไม่ควรลักทรัพย์ที่เจ้าของมิได้ให้ ไม่ควรประพฤติผิดในกาม ไม่ควรพูดเท็จ ไม่ควรดื่มน้ำเมา และท่านทั้งหลายจงครอบครองบ้านเมืองกันตามสภาพที่เป็นจริงเถิด” 

       บรรดาพระราชาที่เป็นปฏิปักษ์ในทิศตะวันออกเหล่านั้นแล ได้กลายเป็นผู้สนับสนุนพระเจ้าจักรพรรดิ

       ต่อนั้น จักรแก้ว นั้นได้พัดผันไปจดสมุทรด้านทิศตะวันออก แล้วกลับขึ้นพัดผันไปทิศใต้ … พัดผันไปจดสมุทรด้านทิศใต้ แล้วกลับขึ้นพัดผันไปทิศตะวันตก … พัดผันไปจดสมุทรด้านทิศตะวันตก แล้วกลับขึ้นพัดผันไปทิศเหนือ …

       ภิกษุทั้งหลาย!  ครั้งนั้นแล จักรแก้ว นั้นพิชิตยิ่งตลอดแผ่นดินมีสมุทรเป็นขอบเขต แล้วกลับมาสู่ราชธานีเดิม ประดิษฐานอยู่เป็นเสมือนลิ่มสลักพระทวาร ภายในพระราชวังของพระเจ้าจักรพรรดิ ทำให้งดงามอย่างมั่นคงอยู่ 

       ภิกษุทั้งหลาย!  ย่อมปรากฏ จักรแก้ว เห็นปานนี้แก่พระเจ้าจักรพรรดิ

       ( 2 ) ภิกษุทั้งหลาย!  ประการอื่นยังมีอีก พระเจ้าจักรพรรดิย่อมปรากฏ ช้างแก้ว อันเป็นช้างหลวงชื่อ อุโบสถ เผือกทั่วสรรพางค์กาย มีที่ตั้งอวัยวะทั้ง 7 ถูกต้องดี มีฤทธิ์เหาะได้ ครั้นพระเจ้าจักรพรรดิทอดพระเนตรเห็นแล้วย่อมมีพระราชหฤทัยโปรดปรานว่า “จะเป็นยานช้างที่เจริญหนอ พ่อมหาจำเริญ ถ้าสำเร็จการฝึกหัด” ต่อนั้น ช้างแก้วนั้น จึงสำเร็จการฝึกหัดเหมือนช้างอาชาไนยตัวเจริญ ที่ถูกฝึกปรือดีแล้วเป็นเวลานาน

       ภิกษุทั้งหลาย!  เรื่องเคยมีมาแล้ว พระเจ้าจักรพรรดิเมื่อจะทรงทดลอง ช้างแก้ว นั้น จึงเสด็จขึ้นทรงในเวลาเช้า เสด็จเวียนรอบปฐพีมีสมุทรเป็นขอบเขต เสด็จกลับมาราชธานีเดิม ทรงเสวยพระกระยาหารเช้าได้ทันเวลา

       ภิกษุทั้งหลาย!  ย่อมปรากฏช้างแก้วเห็นปานนี้แก่พระเจ้าจักรพรรดิ

       ( 3 ) ภิกษุทั้งหลาย!  ประการอื่นยังมีอีก พระเจ้าจักรพรรดิย่อมปรากฏ ม้าแก้ว อันเป็นอัสวราชชื่อ วลาหก ขาวปลอด ศีรษะดำเหมือนกา เส้นผมสลวยเหมือนหญ้าปล้อง มีฤทธิ์เหาะได้ ครั้นพระเจ้าจักรพรรดิทอดพระเนตรเห็นแล้ว ย่อมมีพระราชหฤทัยโปรดปรานว่า “จะเป็นยานม้าที่เจริญหนอ พ่อมหาจำเริญ ถ้าสำเร็จการฝึกหัด” ต่อนั้น ม้าแก้ว นั้นจึงสำเร็จการฝึกหัดเหมือนม้าอาชาไนยตัวเจริญ ที่ถูกฝึกปรือดีแล้วเป็นเวลานาน

       ภิกษุทั้งหลาย!  เรื่องเคยมีมาแล้ว พระเจ้าจักรพรรดิเมื่อจะทรงทดลอง ม้าแก้ว นั้น จึงเสด็จขึ้นทรงในเวลาเช้า เสด็จเวียนรอบปฐพีมีสมุทรเป็นขอบเขต เสด็จกลับมาราชธานีเดิม ทรงเสวยพระกระยาหารเช้าได้ทันเวลา

       ภิกษุทั้งหลาย!  ย่อมปรากฏ ม้าแก้ว เห็นปานนี้แก่พระเจ้าจักรพรรดิ 

       ( 4 ) ภิกษุทั้งหลาย!  ประการอื่นยังมีอีก พระเจ้าจักรพรรดิย่อมปรากฏ มณีแก้ว อันเป็นแก้วไพฑูรย์ งามโชติช่วง แปดเหลี่ยม อันเจียระไนไว้อย่างดี มีแสงสว่างแผ่ไปโยชน์หนึ่งโดยรอบ

       ภิกษุทั้งหลาย!  เรื่องเคยมีมาแล้ว พระเจ้าจักรพรรดิเมื่อจะทรงทดลอง มณีแก้ว นั้น จึงสั่งให้จตุรงคินีเสนา ยกมณีขึ้นเป็นยอดธง แล้วให้เคลื่อนพลไปในความมืดทึบของราตรี ชาวบ้านที่อยู่รอบๆ พากันประกอบการงานด้วยแสงสว่างนั้น สำคัญว่าเป็นกลางวัน

       ภิกษุทั้งหลาย!  ย่อมปรากฏมณีแก้วเห็นปานนี้แก่พระเจ้าจักรพรรดิ 

       ( 5 ) ภิกษุทั้งหลาย!  ประการอื่นยังมีอีก พระเจ้าจักรพรรดิย่อมปรากฏ นางแก้ว รูปงาม น่าดู น่าเลื่อมใส ประกอบด้วยความงามแห่งผิวพรรณอย่างยิ่ง ไม่สูงนัก ไม่ต่ำนัก ไม่ผอมนัก ไม่อ้วนนัก ไม่ดำนัก ไม่ขาวนัก ล่วงผิวพรรณของมนุษย์ แต่ยังไม่ถึงผิวพรรณทิพย์ มีสัมผัสทางกายปานประหนึ่ง สัมผัสปุยนุ่นหรือปุยฝ้าย นางแก้ว นั้นมีตัวอุ่นในคราวหนาว มีตัวเย็นในคราวร้อน มีกลิ่นดังกลิ่นจันทน์ฟุ้งไปแต่กาย มีกลิ่นดังกลิ่นอุบลฟุ้งไปแต่ปาก นางแก้ว นั้นมีปกติตื่นก่อนนอนทีหลัง คอยฟังบรรหารใช้ ( ตรัสสั่ง ) ประพฤติถูกพระทัย ทูลปราศรัยเป็นที่โปรดปรานต่อพระเจ้าจักรพรรดิ และไม่ประพฤติล่วงพระเจ้าจักรพรรดิแม้ทางใจ ไฉนเล่า จะมีการประพฤติล่วงทางกายได้

       ภิกษุทั้งหลาย!  ย่อมปรากฏ นางแก้ว เห็นปานนี้แก่พระเจ้าจักรพรรดิ 

       ( 6 ) ภิกษุทั้งหลาย!  ประการอื่นยังมีอีก พระเจ้าจักรพรรดิย่อมปรากฏ คหบดีแก้ว ผู้มีจักษุอันเป็นทิพย์ เกิดแต่วิบากของกรรมปรากฏ ซึ่งเป็นเหตุให้มองเห็นทรัพย์ทั้งที่มีเจ้าของ ทั้งที่ไม่มีเจ้าของได้ เขาเข้าเฝ้าพระเจ้าจักรพรรดิแล้วกราบทูลอย่างนี้ว่า “ขอเดชะ ! พระองค์จงทรงเป็นผู้ขวนขวายน้อยเถิด ข้าพระองค์จักทำหน้าที่การคลังให้พระองค์”

       ภิกษุทั้งหลาย!  เรื่องเคยมีมาแล้ว พระเจ้าจักรพรรดิเมื่อจะทรงทดลอง คหบดีแก้ว นั้น จึงเสด็จลงเรือพระที่นั่งให้ลอยล่องกระแสน้ำ กลางแม่น้ำคงคา แล้วรับสั่งกะ คหบดีแก้ว ดังนี้ว่า “คหบดี! ฉันต้องการเงินและทอง” 

       คหบดีแก้วกราบทูลว่า “ข้าแต่มหาราช! ถ้าเช่นนั้นโปรดเทียบเรือเข้าฝั่งข้างหนึ่งเถิด”

       พระเจ้าจักรพรรดิตรัสว่า “คหบดี! ฉันต้องการเงินและทองตรงนี้แหละ”

       ทันใดนั้น คหบดีแก้วจึงเอามือทั้ง 2 หย่อนลงในน้ำ ยกหม้อเต็มด้วยเงินและทองขึ้นมา แล้วกราบทูลพระเจ้าจักรพรรดิดังนี้ว่า “ข้าแต่มหาราช! พอหรือยังเพียงเท่านี้ ใช้ได้หรือยังเพียงเท่านี้ บูชาได้หรือยังเพียงเท่านี้”

       พระเจ้าจักรพรรดิจึงรับสั่งอย่างนี้ว่า “คหบดี! พอละ ใช้ได้แล้ว บูชาได้แล้วเพียงเท่านี้”

       ภิกษุทั้งหลาย !  ย่อมปรากฏ คหบดีแก้ว เห็นปานนี้แก่พระเจ้าจักรพรรดิ

       ( 7 ) ภิกษุทั้งหลาย!  ประการอื่นยังมีอีก พระเจ้าจักรพรรดิย่อมปรากฏ ปริณายกแก้ว ปริณายกนั้นเป็นบัณฑิต ฉลาด มีปัญญา สามารถถวายข้อแนะนำให้พระองค์ทรงบำรุงผู้ที่ควรบำรุง ทรงถอดถอนผู้ที่ควรถอดถอน ทรงแต่งตั้งผู้ที่ควรแต่งตั้ง เขาเข้าไปเฝ้าพระเจ้าจักรพรรดิแล้วกราบทูลอย่างนี้ว่า

       “ขอเดชะ ! ขอพระองค์จงเป็นผู้ขวนขวายน้อยเถิด ข้าพระองค์จักสั่งการถวาย”

       ภิกษุทั้งหลาย !  ย่อมปรากฏปริณายกแก้ว เห็นปานนี้แก่พระเจ้าจักรพรรดิ

       ภิกษุทั้งหลาย!  พระเจ้าจักรพรรดิย่อมทรงประกอบด้วยแก้ว 7 ประการนี้

       พระเจ้าจักรพรรดิทรงประกอบด้วยความสัมฤทธิผล 4 อย่าง เป็นอย่างไรเล่า ?

       ( 1 ) ภิกษุทั้งหลาย!  พระเจ้าจักรพรรดิในโลกนี้ ย่อมทรงพระสิริโฉมงดงาม น่าดูน่าเลื่อมใส ประกอบด้วยพระฉวีวรรณอันงดงามอย่างยิ่งเกินมนุษย์อื่นๆ

       ภิกษุทั้งหลาย!  พระเจ้าจักรพรรดิทรงประกอบด้วยความสัมฤทธิผลข้อที่ 1 ดังนี้

       ( 2 ) ภิกษุทั้งหลาย!  ประการอื่นยังมีอีก พระเจ้าจักรพรรดิย่อมทรงพระชนมายุยืน ทรงดำรงอยู่นานเกินมนุษย์อื่นๆ

       ภิกษุทั้งหลาย!  พระเจ้าจักรพรรดิทรงประกอบด้วยความสัมฤทธิผลข้อที่ 2 ดังนี้ 

       ( 3 ) ภิกษุทั้งหลาย!  ประการอื่นยังมีอีก พระเจ้าจักรพรรดิย่อมเป็นผู้มีอาพาธน้อย ไม่ทรงลำบาก ทรงประกอบด้วยพระเตโชธาตุย่อยพระกระยาหารสม่ำเสมอ ไม่เย็นนัก ไม่ร้อนนัก เกินมนุษย์อื่นๆ

       ภิกษุทั้งหลาย!  พระเจ้าจักรพรรดิทรงประกอบด้วยความสัมฤทธิผลข้อที่ 3 ดังนี้ 

       ( 4 ) ภิกษุทั้งหลาย!  ประการอื่นยังมีอีก พระเจ้าจักรพรรดิย่อมทรงเป็นที่รักใคร่พอใจ ของพราหมณ์และคหบดี เหมือนบิดาเป็นที่รักใคร่พอใจของบุตรฉะนั้น พราหมณ์และคหบดีก็เป็นที่ทรงโปรดปรานพอพระราชหฤทัยของพระเจ้าจักรพรรดิเหมือนบุตรเป็นที่รักใคร่พอใจของบิดาฉะนั้น

       ภิกษุทั้งหลาย!  เรื่องเคยมีมาแล้ว พระเจ้าจักรพรรดิพร้อมด้วยจตุรงคินีเสนาออกประพาสพระราชอุทยาน ทันทีนั้น พราหมณ์และคหบดีเข้าไปเฝ้าพระองค์แล้วกราบทูลอย่างนี้ว่า

       “ขอเดชะ! ขอพระองค์อย่ารีบด่วน โปรดเสด็จโดยอาการที่พวกข้าพระองค์ได้ชมพระบารมีนานๆ เถิด”

       แม้พระเจ้าจักรพรรดิก็ทรงสั่งสารถีว่า“สารถี ท่านอย่ารีบด่วน จงขับไปโดยอาการที่ฉันได้ชมบรรดาพราหมณ์และคหบดีนานๆ เถิด”

       ภิกษุทั้งหลาย!  พระเจ้าจักรพรรดิทรงประกอบด้วยความสัมฤทธิผลข้อที่ 4 ดังนี้ 

       ภิกษุทั้งหลาย!  พวกเธอจะสำคัญความข้อนั้น เป็นอย่างไรเล่า พระเจ้าจักรพรรดิทรงประกอบด้วยแก้ว 7 ประการ และความสัมฤทธิผล 4 อย่างดังนี้ พึงเสวยสุขโสมนัสอันมีสิ่งประกอบนั้นเป็นเหตุบ้างไหมหนอ ?

       ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ!  พระเจ้าจักรพรรดิทรงประกอบด้วยแก้วแม้ประการหนึ่งๆ ก็ทรงเสวยสุขโสมนัสอันมีแก้วประการนั้นเป็นเหตุได้ จะป่วยกล่าวไปไยถึงแก้วทั้ง 7 ประการ และความสัมฤทธิผลทั้ง 4 อย่าง

       ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงหยิบแผ่นหินย่อมๆ ขนาดเท่าฝ่ามือ แล้วตรัสถามภิกษุทั้งหลายว่า

       ภิกษุทั้งหลาย!  พวกเธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นอย่างไรเล่า แผ่นหินย่อมๆ ขนาดเท่าฝ่ามือที่เราถือนี้ กับภูเขาหลวงหิมพานต์อย่างไหนหนอแลมากกว่ากัน ?

       ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ !  แผ่นหินย่อมๆ ขนาดเท่าฝ่ามือที่ทรงถือนี้มีประมาณน้อยนัก เปรียบเทียบภูเขาหลวงหิมพานต์แล้ว ย่อมไม่ถึงแม้ความนับ ย่อมไม่ถึงแม้ส่วนแห่งเสี้ยว ย่อมไม่ถึงแม้การเทียบกันได้

       ภิกษุทั้งหลาย!  ฉันนั้นเหมือนกันแล พระเจ้าจักรพรรดินี้ ทรงประกอบด้วยแก้ว 7 ประการและความสัมฤทธิผล 4 อย่าง ย่อมทรงเสวยสุขโสมนัสอันมีสิ่งเหล่านั้นเป็นเหตุได้ สุขโสมนัสนั้นเปรียบเทียบสุขอันเป็นทิพย์แล้ว ย่อมไม่ถึงแม้การนับ ย่อมไม่เข้าถึงแม้ส่วนแห่งเสี้ยว ย่อมไม่ถึงแม้การเทียบกันได้

       ภิกษุทั้งหลาย!  บัณฑิตนั้นนั่นแล ถ้ามาสู่ความเป็นมนุษย์ในบางครั้งบางคราว ไม่ว่ากาลไหนๆ โดยล่วงระยะกาลนาน ก็ย่อมเกิดในสกุลสูง คือ สกุลกษัตริย์มหาศาล หรือสกุลพราหมณ์มหาศาล หรือสกุลคหบดีมหาศาล เห็นปานนั้น อันเป็นสกุลมั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคะมาก มีทองและเงิน อุปกรณ์เครื่องปลื้มใจ และทรัพย์ธัญญาหารอย่างเพียงพอ และเขาจะเป็นผู้มีรูปงาม น่าดู น่าเลื่อมใส ประกอบด้วยความงามแห่งผิวพรรณอย่างยิ่ง มีปกติได้ข้าว น้ำ ผ้า ยาน ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อยู่อาศัย และเครื่องตามประทีป เขาจะประพฤติกายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต ครั้นแล้วเมื่อตายไป จะเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์

       ภิกษุทั้งหลาย!  เหมือนนักเลงการพนัน เพราะฉวยเอาชัยชนะได้ประการแรกเท่านั้น จึงบรรลุโภคสมบัติมากมาย การฉวยเอาชัยชนะของนักเลงการพนันที่บรรลุโภคสมบัติมากมายได้นั้นแลเพียงเล็กน้อย ที่แท้แล การฉวยเอาชัยชนะใหญ่หลวงกว่านั้น คือ การฉวยเอาชัยชนะที่บัณฑิตนั้น ประพฤติกายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต แล้วตายไป เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์นั่นเอง

       ภิกษุทั้งหลาย!  นี้ภูมิของบัณฑิตครบถ้วนบริบูรณ์ 

* * * ( ข้างบนนี้-ทั้งหมด ) คัดมาจากหนังสือ พุทธวจน เรื่อง ภพภูมิ  /  หัวข้อใหญ่ : เทวดา  /  หัวข้อย่อย : อุปมาความสุขบนสวรรค์  /  หัวข้อเลขที่ : 74  /  -บาลี อุปริ. ม. 14/324-333/488-503.  /  หน้าที่ : 276 , 277 , 278 , 279 , 280 , 281 , 282 , 283 , 284 , 285 , 286 , 287 , 288 

- END -