พุทธวจน - คําสอนจากพระโอษฐ์ พระพุทธเจ้า
เรื่อง ปัจจัยต่ออายุขัยของมนุษย์
เรื่อง ปัจจัยต่ออายุขัยของมนุษย์
ภิกษุทั้งหลาย! เมื่อพระราชา มีการกระทำชนิดที่เป็นไปแต่เพียงเพื่อการคุ้มครองอารักขา แต่มิได้เป็นไปเพื่อการกระทำให้เกิดทรัพย์แก่บุคคลผู้ไม่มีทรัพย์ทั้งหลาย ดังนั้นแล้ว ความยากจนขัดสน ก็เป็นไปอย่างกว้างขวาง แรงกล้าถึงที่สุด
เพราะความยากจนขัดสนเป็นไปอย่างกว้างขวาง แรงกล้าถึงที่สุด อทินนาทาน ( ลักทรัพย์ ) ก็เป็นไปอย่างกว้างขวางแรงกล้าถึงที่สุด
เพราะ อทินนาทาน เป็นไปอย่างกว้างขวาง แรงกล้าถึงที่สุด การใช้ศัสตราวุธโดยวิธีการต่างๆ ก็เป็นไปอย่างกว้างขวาง แรงกล้าถึงที่สุด
เพราะการใช้ศัสตราวุธโดยวิธีการต่างๆ เป็นไปอย่างกว้างขวาง แรงกล้าถึงที่สุด ปาณาติบาต ( ซึ่งหมายถึงการฆ่ามนุษย์ด้วยกัน ) ก็เป็นไปอย่างกว้างขวาง แรงกล้าถึงที่สุด
เพราะ ปาณาติบาต เป็นไปอย่างกว้างขวาง แรงกล้าถึงที่สุด มุสาวาท ( การหลอกลวงคดโกง ) ก็เป็นไปอย่างกว้างขวาง แรงกล้าถึงที่สุด
( ในสมัยนี้ มนุษย์มีอายุขัยถอยลงมาจาก 80,000 ปี เหลือเพียง 40,000 ปี )
เพราะ มุสาวาท เป็นไปอย่างกว้างขวาง แรงกล้าถึงที่สุด ปิสุณาวาท ( การพูดจายุแหย่เพื่อการแตกกันเป็นพวก เป็นหมู่ ทำลายความสามัคคี ) ก็เป็นไปอย่างกว้างขวาง แรงกล้าถึงที่สุด
( ในสมัยนี้ มนุษย์มีอายุขัยถอยลงมาเหลือเพียง 20,000 ปี )
เพราะ ปิสุณาวาท เป็นไปอย่างกว้างขวาง แรงกล้าถึงที่สุด กาเมสุมิจฉาจาร ( การทำชู้ การละเมิดของรักของบุคคลอื่น ) ก็เป็นไปอย่างกว้างขวาง แรงกล้าถึงที่สุด
( ในสมัยนี้ มนุษย์มีอายุขัยถอยลงมาเหลือเพียง 10,000 ปี )
เพราะ กาเมสุมิจฉาจาร เป็นไปอย่างกว้างขวาง แรงกล้าถึงที่สุด ผรุสวาทและสัมผัปปลาปะ ( การใช้คำหยาบ และคำพูดเพ้อเจ้อเพื่อความสำราญ ) ก็เป็นไปอย่างกว้างขวาง แรงกล้าถึงที่สุด
( ในสมัยนี้ มนุษย์มีอายุขัยถอยลงมาเหลือเพียง 5,000 ปี )
เพราะ ผรุสวาทและสัมผัปปลาปะ เป็นไปอย่างกว้างขวาง แรงกล้าถึงที่สุด อภิชฌาและพยาบาท ( แผนการกอบโกยและการทำลายล้าง ) ก็เป็นไปอย่างกว้างขวาง แรงกล้าถึงที่สุด
( ในสมัยนี้ มนุษย์มีอายุขัยถอยลงมาเหลือเพียง 2,500 - 2,000 ปี )
เพราะ อภิชฌาและพยาบาท เป็นไปอย่างกว้างขวาง แรงกล้าถึงที่สุด มิจฉาทิฏฐิ ( ความเห็นผิดชนิดเห็นกงจักรเป็นดอกบัว นิยมความชั่ว ) ก็เป็นไปอย่างกว้างขวาง แรงกล้าถึงที่สุด
( ในสมัยนี้ มนุษย์มีอายุขัยถอยลงมาเหลือเพียง 1,000 ปี )
เพราะ มิจฉาทิฏฐิ เป็นไปอย่างกว้างขวาง แรงกล้าถึงที่สุด ( อกุศล ) ธรรมทั้ง 3 คือ อธัมมราคะ ( ความยินดีที่ไม่เป็นธรรม ) วิสมโลภะ ( ความโลภไม่สิ้นสุด ) มิจฉาธรรม ( การประพฤติตามอำนาจกิเลส ) ก็เป็นไปอย่างกว้างขวางแรงกล้าถึงที่สุด ( อย่างไม่แยกกัน )
( ในสมัยนี้ มนุษย์มีอายุขัยถอยลงมาเหลือเพียง 500 ปี )
เพราะ ( อกุศล ) ธรรม ทั้ง 3 … นั้นเป็นไปอย่างกว้างขวาง แรงกล้าถึงที่สุด ( อกุศล ) ธรรมทั้งหลาย คือ ไม่ปฏิบัติอย่างถูกต้องในมารดา บิดา สมณะพราหมณ์ ไม่มีกุลเชฏฐาปจายนธรรม ( ความอ่อนน้อมตามฐานะสูงต่ำ ) ก็เป็นไปอย่างกว้างขวางแรงกล้าถึงที่สุด
( ในสมัยนี้ มนุษย์มีอายุขัยถอยลงมาเหลือเพียง 250 - 200 - 100 ปี )
สมัยนั้น จักมีสมัยที่มนุษย์มีอายุขัยลดลงมาเหลือเพียง 10 ปี ( จักมีลักษณะแห่งความเสื่อมเสียมีประการต่างๆ ดังที่ท่านกล่าวไว้ว่า )
หญิงอายุ 5 ปี ก็มีบุตร
รสทั้งห้า คือ เนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อย และรสเค็ม ก็ไม่ปรากฏ
มนุษย์ทั้งหลาย กินหญ้าที่เรียกว่า กุท๎รูสกะ แทนการกินข้าว
กุศลกรรมบถหายไป ไม่มีร่องรอย
อกุศลกรรมบถ รุ่งเรืองถึงที่สุด
ในหมู่มนุษย์ ไม่มีคำพูดว่ากุศล จึงไม่มีการทำกุศล
มนุษย์สมัยนั้น จักไม่ยกย่องสรรเสริญ ความเคารพเกื้อกูลต่อมารดา ( มัตเตยยธรรม ) ความเคารพเกื้อกูลต่อบิดา ( เปตเตยยธรรม ) ความเคารพเกื้อกูลต่อสมณะ ( สามัญญธรรม ) ความเคารพเกื้อกูลต่อพราหมณ์ ( พรหมัญญธรรม ) และ ความประพฤติอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ในตระกูล ( กุลเชฏฐา ปจายนธรรม ) เหมือนอย่างที่มนุษย์ยกย่องกันอยู่ในสมัยนี้
ไม่มีคำ พูดว่า แม่ น้าชาย น้าหญิง พ่อ อา ลุง ป้า ภรรยาของอาจารย์ และคำพูดว่า เมียของครู สัตว์โลกจักกระทำการสัมเภท ( สมสู่สำส่อน ) เช่นเดียวกันกับแพะ แกะ ไก่ สุกร สุนัข สุนัขจิ้งจอก
ความอาฆาต ความพยาบาท ความคิดร้าย ความคิดฆ่า เป็นไปอย่างแรงกล้า แม้ในระหว่างมารดากับบุตร บุตรกับมารดา บิดากับบุตร บุตรกับบิดา พี่กับน้อง น้องกับพี่ ทั้งชายและหญิง เหมือนกับที่นายพรานมีความรู้สึกต่อเนื้อทั้งหลาย
ในสมัยนั้น จักมี สัตถันตรกัปป์ ( การใช้ศัสตราวุธติดต่อกันไม่หยุดหย่อน ) ตลอดเวลา 7 วัน สัตว์ทั้งหลายเหล่านั้นจักมีความสำคัญแก่กันและกัน ราวกะว่าเนื้อ แต่ละคนมีศัสตราวุธในมือ ปลงชีวิตซึ่งกันและกันราวกะว่า ฆ่าปลา ฆ่าเนื้อ
( มีมนุษย์หลายคน ไม่เข้าร่วมวง สัตถันตรกัปป์ ด้วยความกลัว หนีไปซ่อนตัวอยู่ในที่ที่พอจะซ่อนตัวได้ตลอด 7 วัน แล้วกลับออกมาพบกันและกัน ยินดีสวมกอดกัน กล่าวแก่กันและกันในที่นั้นว่า มีโชคดีที่รอดมาได้ แล้วก็ตกลงกันในการตั้งต้นประพฤติธรรมกันใหม่ต่อไป ชีวิตมนุษย์ก็ค่อยเจริญขึ้น จาก 10 ปี ตามลำดับๆ จนถึงสมัย 80,000 ปี อีกครั้งหนึ่ง จนกระทั่งเป็นสมัยแห่งศาสนาของพระพุทธเจ้ามีพระนามว่า เมตเตยยสัมมาสัมพุทธะ )
* * * ( ข้างบนนี้-ทั้งหมด ) คัดมาจากหนังสือ พุทธวจน เรื่อง ภพภูมิ / หัวข้อใหญ่ : มนุษย์ / หัวข้อย่อย : ปัจจัยต่ออายุขัยของมนุษย์ / หัวข้อเลขที่ : 59 / -บาลี ปา. ที. 11/70-80/39-47. / หน้าที่ : 217 , 218 , 219 , 220 , 221
- END -