Tuesday, March 16, 2021

ทรงค้นลูกโซ่แห่งทุกข์ ก่อนตรัสรู้

 

พุทธวจน - คําสอนจากพระโอษฐ์ พระพุทธเจ้า

เรื่อง ทรงค้นลูกโซ่แห่งทุกข์ ก่อนตรัสรู้ 


       ภิกษุทั้งหลาย!  ครั้งก่อนแต่การตรัสรู้ เมื่อเรายังไม่ได้ตรัสรู้ ยังเป็นโพธิสัตว์อยู่ , ได้เกิดความรู้สึกอันนี้ขึ้นว่า “สัตว์โลกนี้หนอ ถึงทั่วแล้วซึ่งความยากเข็ญ ย่อมเกิด แก่ ตาย จุติ และบังเกิดอีก , ก็เมื่อสัตว์โลกไม่รู้จักอุบายเครื่องออกไปพ้นจากทุกข์ คือชรามรณะแล้ว การออกจากทุกข์ คือชรามรณะนี้ จักปรากฏขึ้นได้อย่างไร”

       ภิกษุทั้งหลาย!  ความฉงนนี้ได้เกิดขึ้นแก่เราว่า “เมื่ออะไรมีอยู่หนอ ชรามรณะ จึงได้มี : ชรามรณะมีเพราะปัจจัยอะไรหนอ”

       ภิกษุทั้งหลาย!  ได้เกิดความรู้แจ้งอย่างยิ่งด้วยปัญญา , เพราะการทำในใจโดยแยบคาย , แก่เราว่า

       “เพราะ ชาติ นี่เองมีอยู่ ชรามรณะ จึงได้มี : ชรามรณะ มี เพราะ ชาติ เป็นปัจจัย ;

       เพราะ ภพ นี่เองมีอยู่ ชาติ จึงได้มี : ชาติ มี เพราะ ภพ เป็นปัจจัย ;

       เพราะ อุปาทาน นี่เองมีอยู่ ภพ จึงได้มี : ภพ มี เพราะ อุปาทาน เป็นปัจจัย ;

       เพราะ ตัณหา นี่เองมีอยู่ อุปาทาน จึงได้มี : อุปาทาน มี เพราะ ตัณหา เป็นปัจจัย ;

       เพราะ เวทนา นี่เองมีอยู่ ตัณหา จึงได้มี : ตัณหา มี เพราะ เวทนา เป็นปัจจัย ;

       เพราะ ผัสสะ นี่เองมีอยู่ เวทนา จึงได้มี : เวทนา มี เพราะ ผัสสะ เป็นปัจจัย ;

       เพราะ สฬายตนะ นี่เองมีอยู่ ผัสสะ จึงได้มี : ผัสสะ มี เพราะ สฬายตนะ เป็นปัจจัย ; 

       เพราะ นามรูป นี่เองมีอยู่ สฬายตนะ จึงได้มี : สฬายตนะ มี เพราะ นามรูป เป็นปัจจัย ; 

       เพราะ วิญญาณ นี่เองมีอยู่ นามรูป จึงได้มี : นามรูป มี เพราะ วิญญาณ เป็นปัจจัย ;

       เพราะ สังขาร นี่เองมีอยู่ วิญญาณจึงได้มี : วิญญาณ มี เพราะ สังขาร เป็นปัจจัย ;

       เพราะ อวิชชา นี่เองมีอยู่ สังขารทั้งหลาย จึงได้มี : สังขารทั้งหลาย มี เพราะ อวิชชา เป็นปัจจัย ;” ดังนี้ :

       เพราะ อวิชชา เป็นปัจจัย จึงเกิด สังขารทั้งหลาย ; 

       เพราะ สังขาร เป็นปัจจัย จึงเกิด วิญญาณ ;

       เพราะ วิญญาณ เป็นปัจจัย จึงเกิด นามรูป ;

       เพราะ นามรูป เป็นปัจจัย จึงเกิด สฬายตนะ ;

       เพราะ สฬายตนะ เป็นปัจจัย จึงเกิด ผัสสะ ;

       เพราะ ผัสสะ เป็นปัจจัย จึงเกิด เวทนา ;

       เพราะ เวทนา เป็นปัจจัย จึงเกิด ตัณหา ;

       เพราะ ตัณหา เป็นปัจจัย จึงเกิด อุปาทาน ; 

       เพราะ อุปาทาน เป็นปัจจัย จึงเกิด ภพ ;

       เพราะ ภพ เป็นปัจจัย จึงเกิด ชาติ ;

       เพราะ ชาติ เป็นปัจจัย จึงมี ชรามรณะโสกปริเทว ทุกขโทมนัสอุปายาส งหลาย :

       ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้น ย่อมมีได้ด้วยอาการอย่างนี้

       ภิกษุทั้งหลาย!  ดวงตา ญาณ ปัญญา วิชชา แสงสว่าง ในสิ่งที่เราไม่เคยฟังมาแต่ก่อน ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราว่า ความเกิดขึ้นพร้อม !  ความเกิดขึ้นพร้อม ! ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้

       ภิกษุทั้งหลาย!  ความฉงนได้มีแก่เราอีกว่า “เมื่ออะไรไม่มีหนอ ชรามรณะ จึงไม่มี : เพราะอะไรดับไปหนอ ชรามรณะ จึงดับไป”

       ภิกษุทั้งหลาย!  เพราะการทำในใจโดยแยบคาย , ได้เกิดความรู้แจ้งอย่างยิ่งด้วยปัญญา , แก่เราว่า

       “เพราะ ชาติ นี่เองไม่มี ชรามรณะ จึงไม่มี : ชรามรณะ ดับเพราะ ชาติ ดับ ;

       เพราะ ภพ นี่เองไม่มี ชาติ จึงไม่มี : ชาติ ดับ เพราะ ภพ ดับ ; 

       เพราะ อุปาทาน นี่เองไม่มี ภพ จึงไม่มี : ภพ ดับ เพราะ อุปาทาน ดับ ;

       เพราะ ตัณหา นี่เองไม่มี อุปาทาน จึงไม่มี : อุปาทาน ดับ เพราะ ตัณหา ดับ ;

       เพราะ เวทนา นี่เองไม่มี ตัณหา จึงไม่มี : ตัณหา ดับ เพราะ เวทนา ดับ ;

       เพราะ ผัสสะ นี่เองไม่มี เวทนา จึงไม่มี : เวทนา ดับ เพราะ ผัสสะ ดับ ;

       เพราะ สฬายตนะ นี่เองไม่มี ผัสสะ จึงไม่มี : ผัสสะ ดับ เพราะ สฬายตนะ ดับ ; 

       เพราะ นามรูป นี่เองไม่มี สฬายตนะ จึงไม่มี : สฬายตนะ ดับ เพราะ นามรูป ดับ ; 

       เพราะ วิญญาณ นี่เองไม่มี นามรูป จึงไม่มี : นามรูป ดับ เพราะ วิญญาณ ดับ ; 

       เพราะ สังขาร นี่เองไม่มี วิญญาณ จึงไม่มี : วิญญาณ ดับ เพราะ สังขาร ดับ ;

       เพราะ อวิชชา นี่เองไม่มี สังขารทั้งหลาย จึงไม่มี : สังขาร ดับ เพราะ อวิชชา ดับ ;” ดังนี้ :

       เพราะ อวิชชา ดับ สังขาร จึงดับ ;

       เพราะ สังขาร ดับ วิญญาณ จึงดับ ;

       เพราะ วิญญาณ ดับ นามรูป จึงดับ ;

       เพราะ นามรูปดับ สฬายตนะ จึงดับ ;

       เพราะ สฬายตนะ ดับ ผัสสะ จึงดับ ;

       เพราะ ผัสสะ ดับ เวทนา จึงดับ ;

       เพราะ เวทนา ดับ ตัณหา จึงดับ ;

       เพราะ ตัณหา ดับ อุปาทาน จึงดับ ;

       เพราะ อุปาทาน ดับ ภพ จึงดับ ; 

       เพราะ ภพ ดับ ชาติ จึงดับ ;

       เพราะ ชาติ ดับ ชรามรณะ โสกปริเทว ทุกขโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงดับ :

       ความดับไม่เหลือแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้น ย่อมมีได้ด้วยอาการอย่างนี้

       ภิกษุทั้งหลาย!  ดวงตา ญาณ ปัญญา วิชชา แสงสว่าง ในสิ่งที่เราไม่เคยฟังมาแต่ก่อน ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราว่า
ความดับไม่เหลือ !  ความดับไม่เหลือ !  ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้ 

* * * ( ข้างบนนี้-ทั้งหมด ) คัดมาจากหนังสือ พุทธวจน เรื่อง ตถาคต  /  หัวข้อใหญ่ : เริ่มแต่ออกบรรพชาแล้วเที่ยวเสาะแสวงหาความรู้ ทรมานพระองค์ จนได้ตรัสรู้  /  หัวข้อย่อย : ทรงค้นลูกโซ่แห่งทุกข์ ก่อนตรัสรู้  /  หัวข้อเลขที่ : 58  /  -บาลี นิทาน. สํ. 16/11/26.  /  หน้าที่ : 162 , 163 , 164 , 165 , 166  

- END -