Sunday, March 14, 2021

บำเพ็ญทุกรกิริยา

 

พุทธวจน - คําสอนจากพระโอษฐ์ พระพุทธเจ้า

เรื่อง บำเพ็ญทุกรกิริยา

      ( วาระที่ 1 ) ราชกุมาร!  ความคิดข้อนี้ได้เกิดขึ้นแก่เราว่า ถ้ากระไรเราพึงขบฟันด้วยฟัน อัดเพดานด้วยลิ้น ข่มจิตด้วยจิต บีบให้แน่นจนร้อนจัดดูที 

       ราชกุมาร!  ครั้นเราคิดดังนั้นแล้ว จึงขบฟันด้วยฟัน อัดเพดานด้วยลิ้น ข่มจิตด้วยจิต บีบให้แน่นจนร้อนจัดแล้ว เหงื่อไหลออกจากรักแร้ทั้งสอง , ราชกุมาร! เปรียบเหมือนคนที่แข็งแรงจับคนกำลังน้อยที่ศีรษะหรือที่คอ บีบให้แน่นจนร้อนจัดฉะนั้น ราชกุมาร! แต่ความเพียรที่เราปรารภแล้ว จะได้ย่อหย่อนก็หาไม่ สติจะฟั่นเฟือนไปก็หาไม่ , เป็นแต่กายกระสับกระส่ายไม่สงบ เพราะกำลังความเพียรที่ทนได้ยากเสียดแทงเอา

       ( วาระที่ 2 ) ราชกุมาร!  ความคิดข้อนี้ได้เกิดขึ้นแก่เราว่า ถ้ากระไรเราพึงเพ่งฌาน เอาการไม่หายใจเป็นอารมณ์เถิด ราชกุมาร! ครั้นคิดดังนั้นแล้ว เราจึงกลั้นลมหายใจออกเข้าทั้งทางจมูกและทางปาก ราชกุมาร! ครั้นเรากลั้นลมหายใจทั้งทางจมูกและทางปาก เสียงลมออกทางช่องหูทั้งสองดังเหลือประมาณ เหมือนเสียงลมในสูบแห่งนายช่างทองที่สูบไปสูบมาฉะนั้น  ราชกุมาร! แต่ความเพียรที่เราปรารภแล้ว จะได้ย่อหย่อนก็หาไม่ สติจะฟั่นเฟือนไปก็หาไม่ เป็นแต่กายกระสับกระส่ายไม่สงบ เพราะกำลังแห่งความเพียรที่ทนได้ยากเสียดแทงเอา

       ( วาระที่ 3 ) ราชกุมาร!  ความคิดข้อนี้ได้เกิดขึ้นแก่เราว่า ถ้ากระไรเราพึงเพ่งฌาน มีการไม่หายใจนั่นแหละ ( ให้ยิ่งขึ้น ) เป็นอารมณ์เถิด. ราชกุมาร! ครั้นคิดดังนั้นแล้ว เราจึงกลั้นลมหายใจออกเข้า ทั้งทางจมูกทางปากและทางช่องหูทั้งสองแล้ว  ราชกุมาร! ครั้นเรากลั้นลมหายใจออกเข้า ทั้งทางจมูกทางปากและทางช่องหูทั้งสองแล้ว ลมกล้าเหลือประมาณ แทงเซาะขึ้นไปทางบนกระหม่อมเหมือนถูกบุรุษแข็งแรง เชือดเอาที่แสกกระหม่อมด้วยมีดโกนอันคมฉะนั้น  ราชกุมาร! แต่ความเพียรที่เราปรารภแล้วจะได้ย่อหย่อนก็หาไม่ สติจะได้ฟั่นเฟือนไปก็หาไม่ เป็นแต่กายกระสับกระส่ายไม่สงบ เพราะความเพียรที่ทนได้แสนยากเสียดแทงเอา

       ( วาระที่ 4 ) ราชกุมาร!  ความคิดข้อนี้ได้เกิดขึ้นแก่เราว่า ถ้ากระไรเราพึงเพ่งฌาน มีการไม่หายใจนั่นแหละ ( ให้ยิ่งขึ้นไปอีก ) เป็นอารมณ์เถิด  ราชกุมาร!  ครั้นคิดดังนั้นแล้ว เราได้กลั้นลมหายใจออกเข้า ทั้งทางจมูกทางปากและทางช่องหูทั้งสองแล้ว ราชกุมาร! ครั้นเรากลั้นลมหายใจออกเข้า ทั้งทางจมูกทางปากและทางช่องหูทั้งสองแล้ว รู้สึกปวดศีรษะทั่วไปทั้งศีรษะเหลือประมาณ เปรียบปานถูกบุรุษแข็งแรง รัดศีรษะเข้าทั้งศีรษะด้วยเชือกมีเกลียวอันเขม็งฉะนั้น  ราชกุมาร!  แต่ความเพียรที่เราปรารภแล้ว จะได้ย่อหย่อนก็หาไม่ สติจะฟั่นเฟือนไปก็หาไม่ เป็นแต่กายกระสับกระส่ายไม่สงบ เพราะความเพียรที่ทนได้แสนยาก เสียดแทงเอา

       ( วาระที่ 5 ) ราชกุมาร!  ความคิดข้อนี้ได้เกิดขึ้นแก่เราว่า ถ้ากระไรเราพึงเพ่งฌานมีการไม่หายใจนั่นแหละ ( ให้ยิ่งขึ้นไปอีก ) เป็นอารมณ์เถิด  ราชกุมาร ! ครั้นคิดดังนั้นแล้ว เราได้กลั้นลมหายใจออกเข้า ทั้งทางจมูกและทางปากและทางช่องหูทั้งสอง  ราชกุมาร! ครั้นเรากลั้นลมหายใจออกเข้า ทั้งทางจมูกและทางปากและทางช่องหูทั้งสองแล้ว ลมกล้าเหลือประมาณหวนกลับลงแทงเอาพื้นท้อง ดุจถูกคนฆ่าโคหรือลูกมือตัวขยันของเขา เฉือนเนื้อพื้นท้องด้วยมีดสำหรับเฉือนเนื้อโคอันคมฉะนั้น  ราชกุมาร! แต่ความเพียรของเราจะได้ย่อหย่อนก็หาไม่ สติจะได้ฟั่นเฟือนไปก็หาไม่ เป็นแต่กายกระสับกระส่ายไม่สงบ เพราะกำลังแห่งความเพียรที่ทนได้แสนยาก เสียดแทงเอา

       ( วาระที่ 6 ) ราชกุมาร!  ความคิดอันนี้ได้เกิดขึ้นแก่เราว่า ถ้ากระไรเราพึงเพ่งฌานมีการไม่หายใจนั่นแหละ( ให้ยิ่งขึ้นไปอีก ) เป็นอารมณ์เถิด   ราชกุมาร ! ครั้นคิดดังนั้นแล้ว เราได้กลั้นลมหายใจออกเข้าไว้ทั้งทางจมูกและทางปากและทางช่องหูทั้งสอง  ราชกุมาร! ครั้นเรากลั้นลมหายใจออกเข้าไว้ทั้งทางจมูกทางปากและทางช่องหูทั้งสอง ก็เกิดความร้อนกล้าขึ้นทั่วกาย ดุจถูกคนแข็งแรงสองคนช่วยกันจับคนกำลังน้อยที่แขนข้างละคนแล้ว ย่างรมไว้เหนือหลุมถ่านเพลิงอันระอุฉะนั้น  ราชกุมาร! แต่ความเพียรที่เราปรารภแล้วจะได้ย่อหย่อนก็หาไม่ สติจะฟั่นเฟือนไปก็หาไม่ เป็นแต่กายกระวนกระวายไม่สงบ เพราะกำลังแห่งความเพียรที่ทนได้แสนยากเสียดแทงเอา

       โอ ราชกุมาร !  พวกเทวดาเห็นเราแล้วพากันกล่าวว่า พระสมณโคดมทำ กาละเสียแล้ว , บางพวกกล่าวว่าพระสมณโคดมไม่ใช่ทำ กาละแล้ว เป็นแต่กำลังทำกาละอยู่ , บางพวกกล่าวว่า ไม่ใช่เช่นนั้น จะว่าพระสมณโคดมทำกาละแล้ว หรือกำลังทำกาละอยู่ ก็ไม่ชอบทั้งสองสถาน พระสมณโคดม เป็นพระอรหันต์ นั่นเป็นการอยู่ของท่าน , การอยู่เช่นนั้นเป็นการอยู่ของพระอรหันต์ ดังนี้

       ( วาระที่ 7 ) ราชกุมาร!  ความคิดอันนี้ได้เกิดขึ้นแก่เราว่า ถ้ากระไรเราพึงปฏิบัติการอดอาหารโดยประการทั้งปวงเสีย . ราชกุมาร! ครั้งนั้นพวกเทวดาเข้ามาหาเราแล้วกล่าวว่า “ท่านผู้นิรทุกข์! ท่านอย่าปฏิบัติการอดอาหารโดยประการทั้งปวงเลย ถ้าท่านจักปฏิบัติการอดอาหารโดยประการทั้งปวงไซร้ พวกข้าพเจ้าจักแทรกโอชาอันเป็นทิพย์ลงตามขุมขนของท่าน ท่านจักมีชีวิตอยู่ได้ด้วยโอชาทิพย์นั้น”

       ราชกุมาร! ความคิดนี้ได้เกิดขึ้นแก่เราว่า เราปฏิญญาการไม่บริโภคอาหารด้วยประการทั้งปวงด้วยตนเอง ถ้าเทวดาเหล่านี้แทรกโอชาอันเป็นทิพย์ลงตามขุมขนแห่งเราแล้ว ถ้าเราจะมีชีวิตอยู่ด้วยโอชานั้น ข้อนั้นจักเป็นมุสาแก่เราไป ดังนี้

       ราชกุมาร! เราบอกห้ามกะเทวดาเหล่านั้นว่าอย่าเลย ราชกุมาร!  ความคิดอันนี้ได้เกิดมีแก่เราว่า ถ้ากระไรเราบริโภคอาหารผ่อนให้น้อยลง วันละฟายมือบ้าง เท่าเยื่อถั่วเขียวบ้าง เท่าเยื่อถั่วพูบ้าง เท่าเยื่อถั่วดำบ้าง เท่าเยื่อในเมล็ดบัวบ้าง ดังนี้  ราชกุมาร!  เราได้บริโภคอาหารผ่อนน้อยลงวันละฟายมือบ้าง เท่าเยื่อถั่วเขียวบ้าง เท่าเยื่อถั่วพูบ้าง เท่าเยื่อถั่วดำบ้าง เท่าเยื่อในเมล็ดบัวบ้างแล้ว

       ราชกุมาร!  เมื่อเป็นเช่นนั้นร่างกายของเราได้ถึงการซูบผอมลงยิ่งนัก เพราะโทษที่เรามีอาหารน้อย : อวัยวะใหญ่น้อยของเราเป็นเหมือนเถาวัลย์อาสีติกบรรพ หรือเถากาฬบรรพ , เนื้อที่ตะโพกที่นั่งทับของเรา มีสัณฐานดังเท้าอูฐ , ข้อกระดูกสันหลังของเราผุดขึ้นระกะราวกะเถาวัลย์วัฏฏนาวลี , ซี่โครงของเราโหรงเหรงเหมือนกลอนศาลาอันเก่าคร่ำ คร่า , ดาวคือดวงตาของเรา ถล่มลึกอยู่ในกระบอกตา ดุจเงาแห่งดวงดาวที่ปรากฏอยู่ในบ่อน้ำอันลึก  ฉะนั้น , ผิวหนังศีรษะของเราเหี่ยวย่น เหมือนน้ำเต้าอ่อนที่ตัดมาแต่ยังสด ถูกแดดเผาเหี่ยวย่นเช่นเดียวกัน

       ราชกุมาร!  เราคิดว่า จะจับพื้นท้องครั้นจับเข้าก็ถูกถึงกระดูกสันหลังตลอดไป , คิดว่าจะจับกระดูกสันหลัง ครั้นจับเข้าก็ถูกถึงพื้นท้องด้วย , หนังท้องกับกระดูกสันหลังของเราชิดกันสนิท ; เพราะความเป็นผู้มีอาหารน้อย

       ราชกุมาร! เราคิดจะถ่ายปัสสาวะหรืออุจจาระ ก็เซล้มราบอยู่ ณ ที่นั้นเอง

       ราชกุมาร!  เราหวังจะให้กายมีความสุขบ้าง จึงลูบไปตามตัวด้วยฝ่ามือ ขนมีรากอันเน่าหลุดตกลงจากกาย ; เพราะความเป็นผู้มีอาหารน้อย

       โอ ราชกุมาร!  มนุษย์ทั้งหลายเห็นเราแล้วกล่าวว่า พระสมณโคดมดูดำไป , บางพวกกล่าวว่า พระสมณโคดมไม่ดำ เป็นแต่คล้ำ ไป , บางพวกกล่าวว่าจะดำ ก็ไม่เชิง จะคล้ำก็ไม่เชิง พระสมณโคดมมีผิวเผือดไปเท่านั้น

       ราชกุมาร! ผิวพรรณที่เคยบริสุทธิ์ผุดผ่องของตถาคต มากลายเป็นถูกทำลายลงแล้ว เพราะความที่ตนมีอาหารน้อยนั้น

* * * ( ข้างบนนี้-ทั้งหมด ) คัดมาจากหนังสือ พุทธวจน เรื่อง ตถาคต  /  หัวข้อใหญ่ : เริ่มแต่ออกบรรพชาแล้วเที่ยวเสาะแสวงหาความรู้ ทรมานพระองค์ จนได้ตรัสรู้  /  หัวข้อย่อย : บำเพ็ญทุกรกิริยา  /  หัวข้อเลขที่ : 40  /  -บาลี ม. ม. 13/452/495.* * * ยังมีตรัสในพระสูตรอื่นอีก คือ สคารวสูตร -บาลี ม. ม. 13/678/744 , มหาสัจจกสูตร -บาลี มู. ม. 12/450/417 , ความตอนนี้ ปาสราสิสูตรไม่มี. -ผู้แปล  /  หน้าที่ : 88 , 89 , 90 , 91 , 92 , 93 , 94  

- END -