พุทธวจน - คําสอนจากพระโอษฐ์ พระพุทธเจ้า
เรื่อง ทรงมีวิธี “รุก” ข้าศึกให้แพ้ภัยตัว
เรื่อง ทรงมีวิธี “รุก” ข้าศึกให้แพ้ภัยตัว
( เรื่องในชั้นแรกมีอยู่ว่า ปริพพาชกชื่อสรภะ เคยบวชอยู่ในธรรมวินัยนี้ แล้วละทิ้งไปบวชเป็นปริพพาชก เที่ยวร้องประกาศอยู่ว่า ตนรู้ถึงธรรมวินัยของพวกสมณสากยบุตรทั่วถึงแล้ว ไม่เห็นดีอะไรจึงหลีกมาเสีย ครั้นความนี้ทราบถึงพระผู้มีพระภาคเจ้า ได้เสด็จไปสู่อารามของปริพพาชกพวกนั้น และสนทนากันในกลางที่ประชุมปริพพาชก ทรงถามเฉพาะสรภะปริพพาชก ให้บรรยายออกไปว่า ธรรมวินัยของพวกสมณสากยบุตรนั้นเป็นอย่างไร ) ตรัสว่า
สรภะ! ได้ยินว่าท่านกล่าวดังนี้จริงหรือว่า “ธรรมของพวกสมณสากยบุตรนั้น เรารู้ทั่วถึงแล้ว เพราะรู้ทั่วถึงนั่นเอง จึงหลีกมาเสียจากธรรมวินัยนั้น” ดังนี้ ( ไม่มีคำตอบ , จึงตรัสถามเป็นครั้งที่ 2 )
สรภะ! ท่านจงพูดไปเถิดว่า ท่านรู้ทั่วถึงธรรมของพวกสมณสากยบุตรอย่างไร. ถ้าท่านพูดไม่ครบถ้วน เราจะช่วยพูดเติมให้ครบถ้วน . ถ้าคำของท่านครบถ้วนถูกต้องดีแล้ว เราจักอนุโมทนา. ( นิ่งไม่มีคำตอบอีก จึงตรัสถามเป็น
ครั้งที่ 3 )
สรภะ ! ท่านจงพูดเถิด ธรรมวินัยของพวกสมณสากยบุตรนั้นเราเป็นผู้บัญญัติเอง เราย่อมรู้ดี ถ้าท่านพูดไม่บริบูรณ์ เราจะช่วยพูดเติมให้บริบูรณ์ , ถ้าท่านพูดได้บริบูรณ์ เราก็จักอนุโมทนา. ( นิ่งไม่มีคำตอบ , ในที่สุดพวกปริพพาชกด้วยกันช่วยกันรุมขอร้องให้สรภะปริพพาชกพูด สรภะก็ยังคงนิ่งตามเดิม พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสข้อความนี้ )
ปริพพาชกทั้งหลาย! ถ้าผู้ใดกล่าวหาเราว่า “ท่านอวดว่าท่านเป็นสัมมาสัมพุทธะ แต่ธรรมเหล่านั้น ท่านยังไม่รู้เลย” ดังนี้ เราก็จักซักไซ้สอบถามไล่เลียงเขาให้เป็นอย่างดี ( ถึงข้อธรรมที่เขาว่าเราไม่รู้ แต่เขารู้ ) เขานั้น ครั้นถูกเราซักไซ้สอบถามไล่เลียงเป็นอย่างดีแล้ว ย่อมหมดหนทาง ย่อมเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากจะตกอยู่ในฐานะลำบาก 3 ประการอย่างใดอย่างหนึ่ง คือตอบถลากไถลนอกลู่นอกทางบ้าง , แสดงความขุ่นเคืองโกรธแค้น น้อยอกน้อยใจออกมาให้ปรากฏบ้าง , หรือต้องนิ่งอั้น หมดเสียง เก้อเขิน คอตก ก้มหน้า ซบเซา ไม่มีคำพูดหลุดออกมาได้เหมือนอย่างสรภะปริพพาชกนี้บ้าง
ปริพพาชกทั้งหลาย ! ถ้าผู้ใดกล่าวหาเราว่า “ท่านอวดว่าท่านสิ้นอาสวะ แต่อาสวะเหล่านี้ๆ ของท่านยังมีอยู่” ดังนี้ เราก็จักซักไซ้สอบถามไล่เลียงเขาให้เป็นอย่างดี ( ถึงอาสวะที่เขาว่ายังไม่สิ้น ) เขานั้น ครั้นถูกเราซักไซ้สอบถามไล่เลียงเป็นอย่างดีแล้ว ย่อมหมดหนทาง ย่อมเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากจะตกอยู่ในฐานะลำบาก 3 ประการอย่างใดอย่างหนึ่ง คือตอบถลากไถลนอกลู่นอกทางบ้าง , แสดงความขุ่นเคือง โกรธแค้น น้อยอกน้อยใจ ออกมาให้ปรากฏบ้าง , หรือต้องนิ่งอั้น หมดเสียง เก้อเขิน คอตก ก้มหน้า ซบเซา ไม่มีคำพูดหลุดออกมาได้เหมือนอย่างสรภะปริพพาชกนี้บ้าง
ปริพพาชกทั้งหลาย! ถ้าผู้ใดกล่าวหาเราว่า “ท่านแสดงธรรมเพื่อประโยชน์อันใด ประโยชน์อันนั้น ไม่เป็นทางสิ้นทุกข์โดยชอบแก่บุคคลผู้ประพฤติตาม” ดังนี้ เราก็จักซักไซ้สอบถามไล่เลียงเขาให้เป็นอย่างดี ( ถึงประโยชน์ที่เขาว่าจะเป็นทางสิ้นทุกข์โดยชอบแก่บุคคลผู้ประพฤติตาม ) เขานั้น ครั้นถูกเราซักไซ้สอบถามไล่เลียงเป็นอย่างดีแล้ว ย่อมหมดหนทาง ย่อมเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากจะตกอยู่ในฐานะลำบาก 3 ประการอย่างใดอย่างหนึ่ง คือตอบถลากไถลนอกลู่นอกทางบ้าง , แสดงความขุ่นเคือง โกรธแค้น น้อยอกน้อยใจ ออกมาให้ปรากฏบ้าง , หรือต้องนิ่งอั้น หมดเสียง เก้อเขิน คอตก ก้มหน้า ซบเซา ไม่มีคำพูดหลุดออกมาได้ เหมือนอย่างสรภะปริพพาชกนี้บ้าง ดังนี้
* * * ( ข้างบนนี้-ทั้งหมด ) คัดมาจากหนังสือ พุทธวจน เรื่อง ตถาคต / หัวข้อใหญ่ : ทรงเผยแผ่พระศาสนา / หัวข้อย่อย : ทรงมีวิธี “รุก” ข้าศึกให้แพ้ภัยตัว / หัวข้อเลขที่ : 104 / -บาลี ติก. อํ. 20/238/504. / หน้าที่ : 260 , 261 , 262
- END -