อสัทธรรม
"อสัทธรรม" พระพุทธเจ้าทรงปรารภพระเทวทัต พระองค์ตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย ทางที่ดี ภิกษุพึงพิจารณาเห็นวิบัติของตนและของผู้อื่น ตามกาลอันควร พิจารณาเห็นสมบัติของตนและของคนอื่น ตามกาลอันควร พระเทวทัตถูกอสัทธรรมครอบงำย่ำยีจิต ต้องไปเกิดในอบาย ต้องไปเกิดในนรก ดำรงอยู่ชั่วกัป แก้ไขไม่ได้
อสัทธรรม ได้แก่ ลาภครอบงำย่ำยีจิต , ความเสื่อมภาภครอบงำย่ำยีจิต , ยศครอบงำย่ำยีจิต , ความเสื่อมยศครอบงำย่ำยีจิต , สักการะครอบงำย่ำยีจิต , ความเสีื่อมสักการะครอบงำย่ำยีจิต , ความปรารถนาชั่วครอบงำย่ำยีจิต และความมีมิตรชั่วครอบงำย่ำยีจิต
หากอสัทธรรมเหล่านี้เข้าครอบงำย่ำยีจิต อาสวะและความเร่าร้อนที่ก่อความคับแค้นพึงเกิดขึ้น
หากอสัทธรรมเหล่่านี้ไม่ครอบงำย่ำยีจิต ในหมู่มนุษย์ ( ผู้มีจิตใจสูงส่งเพราะประพฤติกุศลธรรม 10 อย่าง ) อาสวะและความเร่าร้อนที่ก่อความคับแค้นย่อมไม่มีแก่เธอ
บริษัท 4 โปรดเรียน จดจำ ทรงจำ ธรรมบรรยายนี้ เพราะประกอบด้วยประโยชน์ เป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ ( ย่อความจากอุตตรวิปัตติสูตร หน้า 209 พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมจร.เล่ม 23 )
- - - - - - - - - - - - - - - - - - -
[ เล่มที่ 37 ] พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม 4 หน้า 286
[ 84 ] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อสัทธรรม 7 ประการนี้ 7ระการเป็นไฉน คือ
อสัตบุรุษเป็นผู้ไม่มีศรัทธา 1
ไม่มีหิริ 1
ไม่มีโอตตัปปะ 1
ไม่มีสุตะ ( ไม่สดับฟังพระธรรม ) 1
เป็นผู้เกียจคร้าน 1
มีสติหลงลืม 1
มีปัญญาทราม 1
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อสัทธรรม 7 ประการนี้แล
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัทธรรม 7 ประการนี้ 7 ประการนี้เป็นไฉน คือ
สัตบุรุษเป็นผู้มีศรัทธา 1
มีหิริ 1
มีโอตตัปปะ 1
เป็นพหูสูต 1
ปรารภความเพียร 1
มีสติ 1
มีปัญญา 1
ดูก่อนภิกษุทั้งหลายสัทธรรม 7 ประการนี้แล
- จบ -