พุทธวจน - คําสอนจากพระโอษฐ์ พระพุทธเจ้า
เรื่อง กรรมที่เป็นไปเพื่อความสิ้นกรรม
เรื่อง กรรมที่เป็นไปเพื่อความสิ้นกรรม
ภิกษุทั้งหลาย! กรรม 4 อย่างเหล่านี้ เรากระทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว ประกาศให้รู้ทั่วกัน กรรม ๔ อย่าง อย่างไรเล่า ?
ภิกษุทั้งหลาย! กรรมดำ มีวิบากดำ ก็มีอยู่
ภิกษุทั้งหลาย! กรรมขาว มีวิบากขาว ก็มีอยู่
ภิกษุทั้งหลาย! กรรมทั้งดำทั้งขาว มีวิบากทั้งดำทั้งขาว ก็มีอยู่
ภิกษุทั้งหลาย! กรรมไม่ดำไม่ขาว มีวิบากไม่ดำไม่ขาว เป็นไปเพื่อความสิ้นกรรม ก็มีอยู่
ภิกษุทั้งหลาย! กรรมดำ มีวิบากดำ เป็นอย่างไรเล่า ?
ภิกษุทั้งหลาย! บุคคลบางคนในกรณีนี้
ย่อมปรุงแต่ง กายสังขาร อันเป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน
ย่อมปรุงแต่ง วจีสังขาร อันเป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน
ย่อมปรุงแต่ง มโนสังขาร อันเป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน
ครั้นเขาปรุงแต่งสังขาร ( ทั้ง 3 ) ดังนี้แล้ว ย่อมเข้าถึงโลกอันเป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน ผัสสะทั้งหลายอันเป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน ย่อมถูกต้องเขา ผู้เข้าถึงโลกอันเป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน
เขาอันผัสสะที่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนถูกต้องแล้ว ย่อมเสวยเวทนาที่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน อันเป็นทุกข์โดยส่วนเดียว ดังเช่นพวกสัตว์นรก
ภิกษุทั้งหลาย! นี้เรียกว่า กรรมดำมีวิบากดำ
ภิกษุทั้งหลาย! กรรมขาว มีวิบากขาว เป็นอย่างไรเล่า ?
ภิกษุทั้งหลาย! บุคคลบางคนในกรณีนี้ ย่อมปรุงแต่ง กายสังขาร อันไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน
ย่อมปรุงแต่ง วจีสังขาร อันไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน
ย่อมปรุงแต่ง มโนสังขาร อันไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน
ครั้นเขาปรุงแต่ง สังขาร ( ทั้ง 3 ) ดังนี้แล้ว ย่อมเข้าถึงโลกอันไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน ผัสสะทั้งหลายที่ไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน ย่อมถูกต้องเขาผู้เข้าถึงโลกอันไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน
เขาอันผัสสะที่ไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนถูกต้องแล้ว ย่อมเสวยเวทนาที่ไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน อันเป็นสุขโดยส่วนเดียว ดังเช่นพวกเทพสุภกิณหา
ภิกษุทั้งหลาย! นี้เรียกว่า กรรมขาว มีวิบากขาว
ภิกษุทั้งหลาย! กรรมทั้งดำทั้งขาว มีวิบากทั้งดำทั้งขาว เป็นอย่างไรเล่า ?
ภิกษุทั้งหลาย! บุคคลบางคนในกรณีนี้
ย่อมปรุงแต่ง กายสังขาร อันเป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง ไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง
ย่อมปรุงแต่ง วจีสังขาร อันเป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง ไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง
ย่อมปรุงแต่ง มโนสังขาร อันเป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง ไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง
ครั้นเขาปรุงแต่ง สังขาร (ทั้ง 3 ) ดังนี้แล้ว ย่อมเข้าถึงโลกอันเป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง ไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง ผัสสะทั้งหลายที่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง ไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง ย่อมถูกต้องเขาผู้เข้าถึงโลกอันเป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง
ไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง
เขาอันผัสสะที่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง ไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง ถูกต้องแล้ว ย่อมเสวยเวทนาที่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง ไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง อันเป็นเวทนาที่เป็นสุขและทุกข์เจือกัน ดังเช่นพวกมนุษย์ พวกเทพบางพวก พวกวินิบาตบางพวก
ภิกษุทั้งหลาย! นี้เรียกว่า กรรมทั้งดำ ทั้งขาว มีวิบากทั้งดำ ทั้งขาว
ภิกษุทั้งหลาย! กรรมไม่ดำไม่ขาว มีวิบากไม่ดำไม่ขาว เป็นไปเพื่อความสิ้นกรรมนั้น เป็นอย่างไรเล่า ?
คือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ
ภิกษุทั้งหลาย! นี้เรียกว่า กรรมไม่ดำ ไม่ขาว มีวิบากไม่ดำ ไม่ขาว เป็นไปเพื่อความสิ้นกรรม
ภิกษุทั้งหลาย ! เหล่านี้แล กรรม 4 อย่างที่เราทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้วประกาศให้รู้ทั่วกัน
* * * ( ข้างบนนี้-ทั้งหมด ) คัดมาจากหนังสือ พุทธวจน เรื่อง ฆราวาสชั้นเลิศ / หัวข้อใหญ่ : ฆราวาสชั้นเลิศ / หัวข้อย่อย : กรรมที่เป็นไปเพื่อความสิ้นกรรม / หัวข้อเลขที่ : 24 / -บาลี ติก. อํ. -บาลี จตุกฺก. อํ. 21/320-321/237. / หน้าที่ : 99 , 100 , 101 , 102
- END -