Monday, April 19, 2021

สักแต่ว่า... ( นัยที่ 2 )

 

พุทธวจน - คําสอนจากพระโอษฐ์ พระพุทธเจ้า

เรื่อง สักแต่ว่า... ( นัยที่ 2 ) 

      “ข้าแต่พระองค์เจริญ !  ข้าพระองค์เป็นคนชรา เป็นคนแก่คนเฒ่ามานานผ่านวัยมาตามลำดับ ขอพระผู้มีพระภาคทรงแสดงธรรมโดยย่อ ขอพระสุคตจงทรงแสดงธรรมโดยย่อ ในลักษณะที่ข้าพระองค์จะพึงรู้ทั่วถึงเนื้อความแห่งภาษิตของพระผู้มีพระภาคเจ้า ในลักษณะที่ข้าพระองค์จะพึงเป็นทายาทแห่งภาษิตของพระผู้มีพระภาคเจ้าเถิด พระเจ้าข้า!”

       มาลุงก๎ยบุตร !  ท่านจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร คือ

       รูปทั้งหลาย อันรู้สึกกันได้ทางตา เป็นรูปที่ท่านไม่ได้เห็น ไม่เคยเห็น ที่ท่านกำลังเห็นอยู่ก็ไม่มี ที่ท่านคิดว่าท่านควรจะได้เห็นก็ไม่มี ดังนี้แล้ว ความพอใจก็ดี ความกำหนัดก็ดี ความรักก็ดี ในรูปเหล่านั้น ย่อมมีแก่ท่านหรือ ? 

       “ข้อนั้น หามิได้พระเจ้าข้า!”

       ( ต่อไปนี้ ได้มีการตรัสถามและการทูลตอบในทำนองเดียวกันนี้ทุกตัวอักษร ผิดกันแต่ชื่อของสิ่งที่นำมากล่าว

       คือในกรณีแห่ง เสียง อันรู้สึกกันได้ทางหู

       ในกรณีแห่ง กลิ่น อันรู้สึกกันได้ทางจมูก

       ในกรณีแห่ง รส อันรู้สึกกันได้ทางลิ้น

       ในกรณีแห่ง โผฏฐัพพะ อันรู้สึกกันได้ทางผิวกาย

       และในกรณีแห่ง ธรรมารมณ์ อันรู้สึกกันได้ทางใจ )

       มาลุงก๎ยบุตร !  ในบรรดาสิ่งที่ท่าน พึงเห็น พึงฟัง พึงรู้สึก พึงรู้แจ้งเหล่านั้น

       ใน สิ่งที่ท่านเห็นแล้ว จักเป็นแต่เพียงสักว่าเห็น

       ใน สิ่งที่ท่านฟงแล้ว จักเป็นแต่เพียงสักว่าได้ยิน 

       ใน สิ่งที่ท่านรู้สึกแล้ว ( ทางจมูก ลิ้น กาย ) จักเป็นแต่เพียงสักว่ารู้สึก

       ใน สิ่งที่ท่านรู้แจ้งแล้ว ( ทางวิญญาณ ) ก็จักเป็นแต่เพียงสักว่ารู้แจ้ง

       มาลุงก๎ยบุตร!  เมื่อใดแล ในบรรดาธรรมเหล่านั้น

       เมื่อ สิ่งที่เห็นแล้ว สักว่าเห็น

       สิ่งที่ฟังแล้ว สักว่าได้ยิน 

       สิ่งที่รู้สึกแล้ว สักว่ารู้สึก

       สิ่งที่รู้แจ้งแล้ว สักว่ารู้แจ้ง

       ดังนี้แล้ว 

       มาลุงก๎ยบุตร !  เมื่อนั้น ตัวท่านย่อมไม่มี  เพราะเหตุนั้น

       มาลุงก๎ยบุตร !  เมื่อใดตัวท่านไม่มีเพราะเหตุนั้น เมื่อนั้น ตัวท่านก็ไม่มีในที่นั้นๆ

       มาลุงก๎ยบุตร!  เมื่อใดตัวท่านไม่มีในที่นั้นๆ เมื่อนั้นตัวท่านก็ไม่มีในโลกนี้ ไม่มีในโลกอื่น ไม่มีในระหว่างโลกทั้งสอง

       นั่นแหละ คือที่สุดแห่งความทุกข์ ดังนี้

       “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ!  ข้าพระองค์รู้ทั่วถึงเนื้อความแห่งภาษิตอันพระผู้มีพระภาคตรัสแล้วโดยย่อนี้ ได้โดยพิสดาร ดังต่อไปนี้

       เห็นรูปแล้ว สติหลงลืม ทำในใจซึ่งรูปนิมิตว่าน่ารัก มีจิตกำหนัดแก่กล้าแล้ว เสวยอารมณ์นั้นอยู่ ความสยบมัวเมาย่อมครอบงำ บุคคลนั้น

       เวทนาอันเกิดจากรูปเป็นอเนกประการ ย่อมเจริญแก่เขานั้น

       อภิชฌาและวิหิงสาย่อมเข้าไปกลุ้มรุมจิตของเขา

       เมื่อสะสมทุกข์อยู่อย่างนี้ ท่านกล่าวว่ายังไกลจากนิพพาน

       ( ในกรณีแห่งการฟังเสียง ดมกลิ่น ลิ้มรส ถูกต้องโผฏฐัพพะด้วยกาย รู้สึกธรรมารมณ์ด้วยใจ ก็มีข้อความที่กล่าวไว้อย่างเดียวกัน )
 
       บุคคลนั้นไม่กำหนัดในรูปทั้งหลาย เห็นรูปแล้ว มีสติเฉพาะ มีจิตไม่กำหนัด เสวยอารมณ์อยู่

       ความสยบมัวเมาย่อมไม่ครอบงำบุคคลนั้น

       เมื่อเขาเห็นอยู่ซึ่ง รูป ตามที่เป็นจริง เสวยเวทนาอยู่ ทุกข์ก็สิ้นไปๆ ไม่เพิ่มพูนขึ้น

       เขามีสติประพฤติอยู่ด้วยอาการอย่างนี้ เมื่อไม่สะสมทุกข์อยู่อย่างนี้ ท่านกล่าวว่าอยู่ใกล้ต่อนิพพาน

       ( ในกรณีแห่งการฟังเสียง ดมกลิ่น ลิ้มรส ถูกต้องโผฏฐัพพะด้วยกาย รู้สึกธรรมารมณ์ด้วยใจ ก็มีข้อความที่กล่าวไว้อย่างเดียวกัน )

       “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ!  ข้าพระองค์รู้ทั่วถึงเนื้อความแห่งภาษิตอันพระผู้มีพระภาคตรัสแล้วโดยย่อนี้ ได้โดยพิสดารอย่างนี้ พระเจ้าข้า!”

       พระผู้มีพระภาค ทรงรับรองความข้อนั้นว่าเป็นการถูกต้อง ท่านมาลุงก๎ยบุตรหลีกออกสู่ที่สงัด กระทำความเพียรได้เป็นอรหันต์องค์หนึ่งในศาสนานี้ 

* * * ( ข้างบนนี้-ทั้งหมด ) คัดมาจากหนังสือ พุทธวจน เรื่อง มรรควิธีที่ง่าย  /  หัวข้อใหญ่ : สักแต่ว่า...  /  หัวข้อย่อย : สักแต่ว่า... ( นัยที่ 2 )  /  หัวข้อเลขที่ : 20  /  -บาลี สฬา. สํ. 18/90-95/132-139.  /  หน้าที่ : 75 , 76 , 77 , 78  

- END -