พุทธวจน - คําสอนจากพระโอษฐ์ พระพุทธเจ้า
เรื่อง การบังเกิดขึ้นของตถาคต ไม่ได้กระทบต่อกฎของธรรมชาติ
เรื่อง การบังเกิดขึ้นของตถาคต ไม่ได้กระทบต่อกฎของธรรมชาติ
( 1 ) ภิกษุทั้งหลาย! เพราะชาติเป็นปัจจัย ชรา มรณะย่อมมี . ภิกษุทั้งหลาย! เพราะเหตุที่พระตถาคตทั้งหลาย จะบังเกิดขึ้นก็ตาม , จะไม่บังเกิดขึ้นก็ตาม , ธรรมธาตุนั้น ย่อมตั้งอยู่แล้วนั่นเทียว ; คือ ความตั้งอยู่แห่งธรรมดา ( ธัมมัฏฐิตตา ) , คือ ความเป็นกฎตายตัวแห่งธรรมดา ( ธัมมนิยามตา ) , คือ ความที่เมื่อมีสิ่งนี้สิ่งนี้เป็นปัจจัย สิ่งนี้สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น ( อิทัปปัจจยตา )
ตถาคตย่อมรู้พร้อมเฉพาะ ย่อมถึงพร้อมเฉพาะ ซึ่งธรรมธาตุนั้น ; ครั้นรู้พร้อมเฉพาะแล้ว ถึงพร้อมเฉพาะแล้ว , ย่อมบอก ย่อมแสดง ย่อมบัญญัติ ย่อมตั้งขึ้นไว้ ย่อมเปิดเผย ย่อมจำแนกแจกแจง ย่อมทำให้เป็นเหมือนการหงายของที่คว่ำ และได้กล่าวแล้วในบัดนี้ว่า “ภิกษุทั้งหลาย! ท่านทั้งหลายจงมาดู : เพราะชาติเป็นปัจจัย ชรามรณะย่อมมี” ดังนี้
ภิกษุทั้งหลาย! เพราะเหตุดังนี้แล : ธรรมธาตุใด ในกรณีนั้น อันเป็นตถตา คือ ความเป็นอย่างนั้น , เป็นอวิตถตา คือ ความไม่ผิดไปจากความเป็นอย่างนั้น , เป็นอนัญญถตา คือ ความไม่เป็นไปโดยประการอื่น , เป็นอิทัปปัจจยตา คือ ความที่เมื่อมีสิ่งนี้สิ่งนี้เป็นปัจจัย สิ่งนี้สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น ; ภิกษุทั้งหลาย! ธรรมนี้ เราเรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท ( คือธรรมอันเป็นธรรมชาติ อาศัยกันแล้วเกิดขึ้น )
( 2 ) ภิกษุทั้งหลาย ! เพราะภพเป็นปัจจัย ชาติย่อมมี ภิกษุทั้งหลาย! เพราะเหตุที่พระตถาคตทั้งหลาย จะบังเกิดขึ้นก็ตาม , ..
( 3 ) ภิกษุทั้งหลาย! เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย ภพย่อมมี ภิกษุทั้งหลาย! เพราะเหตุที่พระตถาคตทั้งหลาย จะบังเกิดขึ้นก็ตาม , ..
( 4 ) ภิกษุทั้งหลาย ! เพราะตัณหาเป็นปัจจัย อุปาทานย่อมมี ภิกษุทั้งหลาย! เพราะเหตุที่พระตถาคตทั้งหลาย จะบังเกิดขึ้นก็ตาม , …
( 5 ) ภิกษุทั้งหลาย ! เพราะเวทนาเป็นปัจจัย ตัณหาย่อมมี ภิกษุทั้งหลาย! เพราะเหตุที่พระตถาคตทั้งหลาย จะบังเกิดขึ้นก็ตาม , …
( 6 ) ภิกษุทั้งหลาย ! เพราะผัสสะเป็นปัจจัย เวทนาย่อมมี ภิกษุทั้งหลาย! เพราะเหตุที่พระตถาคตทั้งหลาย จะบังเกิดขึ้นก็ตาม , …
( 7 ) ภิกษุทั้งหลาย! เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย ผัสสะย่อมมี ภิกษุทั้งหลาย! เพราะเหตุที่พระตถาคตทั้งหลาย จะบังเกิดขึ้นก็ตาม , …
( 8 ) ภิกษุทั้งหลาย ! เพราะนามรูปเป็นปัจจัย สฬายตนะย่อมมี ภิกษุทั้งหลาย ! เพราะเหตุที่พระตถาคตทั้งหลาย จะบังเกิดขึ้นก็ตาม , …
( 9 ) ภิกษุทั้งหลาย! เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย นามรูปย่อมมี ภิกษุทั้งหลาย! เพราะเหตุที่พระตถาคตทั้งหลาย จะบังเกิดขึ้นก็ตาม , …
( 10 ) ภิกษุทั้งหลาย! เพราะสังขารเป็นปัจจัย วิญญาณย่อมมี ภิกษุทั้งหลาย! เพราะเหตุที่พระตถาคตทั้งหลาย จะบังเกิดขึ้นก็ตาม , …
( 11 ) ภิกษุทั้งหลาย! เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย สังขารทั้งหลายย่อมมี ภิกษุทั้งหลาย! เพราะเหตุที่พระตถาคตทั้งหลาย จะบังเกิดขึ้นก็ตาม , จะไม่บังเกิดขึ้นก็ตาม , ธรรมธาตุนั้น ย่อมตั้งอยู่แล้วนั่นเทียว ; คือ ความตั้งอยู่แห่งธรรมดา ( ธัมมัฏฐิตตา ) , คือ ความเป็นกฎตายตัวแห่งธรรมดา ( ธัมมนิยามตา ) , คือ ความที่เมื่อสิ่งนี้สิ่งนี้เป็นปัจจัย สิ่งนี้สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น ( อิทัปปัจจยตา )
ตถาคตย่อมรู้พร้อมเฉพาะ ย่อมถึงพร้อมเฉพาะ ซึ่งธรรมธาตุนั้น ; ครั้นรู้พร้อมเฉพาะแล้ว ถึงพร้อมเฉพาะแล้ว, ย่อมบอก ย่อมแสดง ย่อมบัญญัติ ย่อมตั้งขึ้นไว้ ย่อมเปิดเผย ย่อมจำแนกแจกแจง ย่อมทำ ให้เป็นเหมือนการหงายของที่คว่ำ และได้กล่าวแล้วในบัดนี้ว่า “ภิกษุทั้งหลาย! ท่านทั้งหลายจงมาดู : เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย สังขารทั้งหลายย่อมมี” ดังนี้
ภิกษุทั้งหลาย! เพราะเหตุดังนี้แล : ธรรมธาตุใดในกรณีนั้น อันเป็น ตถตา คือ ความเป็นอย่างนั้น , เป็น อวิตถตา คือ ความไม่ผิดไปจากความเป็นอย่างนั้น , เป็น อนัญญถตา คือ ความไม่เป็นไปโดยประการอื่น , เป็น อิทัปปัจจยตา คือ ความที่เมื่อมีสิ่งนี้สิ่งนี้เป็นปัจจัย สิ่งนี้สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น ; ภิกษุทั้งหลาย! ธรรมนี้ เราเรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท ( คือธรรมอันเป็นธรรมชาติ อาศัยกันแล้วเกิดขึ้น )
* * * ( ข้างบนนี้-ทั้งหมด ) คัดมาจากหนังสือ พุทธวจน เรื่อง ตถาคต / หัวข้อใหญ่ : เรื่องที่ควรทราบก่อน / หัวข้อย่อย : การบังเกิดขึ้นของตถาคต ไม่ได้กระทบต่อกฎของธรรมชาติ / หัวข้อเลขที่ : 10 / -บาลี นิทาน. สํ. 16/30/61. / หน้าที่ : 20 , 21 , 22 , 23
- END -