พุทธวจน - คําสอนจากพระโอษฐ์ พระพุทธเจ้า
เรื่อง สิ่งทั้งหลายไม่เที่ยง ( นัยที่ 2 )
เรื่อง สิ่งทั้งหลายไม่เที่ยง ( นัยที่ 2 )
ภิกษุทั้งหลาย! สังขารทั้งหลาย ไม่เที่ยง ( อนิจฺจ )
สังขารทั้งหลาย ไม่ยั่งยืน ( อธุว )
สังขารทั้งหลายเป็นสิ่งที่หวังอะไรไม่ได้ ( อนสฺสาสิก )
ภิกษุทั้งหลาย! ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ ก็พอแล้วเพื่อจะเบื่อหน่ายในสังขารทั้งปวง พอแล้วเพื่อจะคลายกำหนัด พอแล้วเพื่อจะหลุดพ้น ดังนี้
ภิกษุทั้งหลาย! ขุนเขาสิเนรุ โดยยาว 84,000 โยชน์ * * * ( 1 ) โดยกว้าง 84,000 โยชน์ หยั่งลงในมหาสมุทร 84,000 โยชน์ สูงขึ้นจากผิวพื้นสมุทร 84,000 โยชน์
ภิกษุทั้งหลาย! มีสมัยซึ่งล่วงไปหลายปี หลายร้อยปี หลายพันปี หลายแสนปี ที่ฝนไม่ตกเลย เมื่อฝนไม่ตก ( ตลอดเวลาเท่านี้ ) ป่าใหญ่ๆ อันประกอบด้วย พีชคาม ภูตคาม ไม้ หยูกยาและหญ้าทั้งหลาย ย่อมเฉา ย่อมเหี่ยวแห้ง มีอยู่ไม่ได้
ภิกษุทั้งหลาย! สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงอย่างนี้ สังขารทั้งหลายไม่ยั่งยืนอย่างนี้ สังขารทั้งหลายเป็นสิ่งที่หวังอะไรไม่ได้อย่างนี้
ภิกษุทั้งหลาย! ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ ก็พอแล้วเพื่อจะเบื่อหน่ายในสังขารทั้งปวง พอแล้วเพื่อจะคลายกำหนัด พอแล้วเพื่อจะหลุดพ้น ดังนี้
ภิกษุทั้งหลาย! มีสมัยซึ่งในกาลบางครั้งบางคราวโดยการล่วงไปแห่งกาลนานไกล อาทิตย์ดวงที่ 2 ย่อมปรากฏ เมื่อดวงอาทิตย์ดวงที่ 2 ปรากฏ แม่น้ำน้อย หนองบึงทั้งหมดก็งวดแห้งไป ไม่มีอยู่
ภิกษุทั้งหลาย! สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงอย่างนี้ สังขารทั้งหลายไม่ยั่งยืนอย่างนี้ สังขารทั้งหลายเป็นสิ่งที่หวังอะไรไม่ได้อย่างนี้
ภิกษุทั้งหลาย! ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ ก็พอแล้วเพื่อจะเบื่อหน่ายในสังขารทั้งปวง พอแล้วเพื่อจะคลายกำหนัด พอแล้วเพื่อจะหลุดพ้น ดังนี้
ภิกษุทั้งหลาย! มีสมัยซึ่งในกาลบางครั้งบางคราวโดยการล่วงไปแห่งกาลนานไกล อาทิตย์ดวงที่ 3 ย่อมปรากฏ เมื่อดวงอาทิตย์ดวงที่ 3 ปรากฏ แม่น้ำสายใหญ่ๆ เช่น แม่น้ำ คงคา ยมุนา อจิรวดี สรภู มหี ทั้งหมดก็งวดแห้งไป ไม่มีอยู่
ภิกษุทั้งหลาย! สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงอย่างนี้ สังขารทั้งหลายไม่ยั่งยืนอย่างนี้ สังขารทั้งหลายเป็นสิ่งที่หวังอะไรไม่ได้อย่างนี้
ภิกษุทั้งหลาย! ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ ก็พอแล้วเพื่อจะเบื่อหน่ายในสังขารทั้งปวง พอแล้วเพื่อจะคลายกำหนัด พอแล้วเพื่อจะหลุดพ้น ดังนี้
ภิกษุทั้งหลาย! มีสมัยซึ่งในกาลบางครั้งบางคราวโดยการล่วงไปแห่งกาลนานไกล อาทิตย์ดวงที่ 4 ย่อมปรากฏ เมื่อดวงอาทิตย์ดวงที่ 4 ปรากฏ มหาสระ ทั้งหลาย อันเป็นที่เกิดแห่งแม่น้ำสายใหญ่ๆ เช่น แม่น้ำ คงคา ยมุนา อจิรวดี สรภู มหี มหาสระ เหล่านั้นทั้งหมดก็งวดแห้งไป ไม่มีอยู่
ภิกษุทั้งหลาย! สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงอย่างนี้ สังขารทั้งหลายไม่ยั่งยืนอย่างนี้ สังขารทั้งหลายเป็นสิ่งที่หวังอะไรไม่ได้อย่างนี้
ภิกษุทั้งหลาย! ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ ก็พอแล้วเพื่อจะเบื่อหน่ายในสังขารทั้งปวง พอแล้วเพื่อจะคลายกำหนัด พอแล้วเพื่อจะหลุดพ้น ดังนี้
ภิกษุทั้งหลาย! มีสมัยซึ่งในกาลบางครั้งบางคราวโดยการล่วงไปแห่งกาลนานไกล อาทิตย์ดวงที่ 5 ย่อมปรากฏ เมื่อดวงอาทิตย์ดวงที่ 5 ปรากฏ น้ำในมหาสมุทรอันลึกร้อยโยชน์ ก็งวดลง น้ำในมหาสมุทรอันลึก สอง-สาม-สี่-ห้า หก-เจ็ดร้อยโยชน์ ก็งวดลง เหลืออยู่เพียงเจ็ดชั่วต้นตาลก็มี เหลืออยู่เพียงหก-ห้า-สี่-สาม-สอง กระทั่งหนึ่งชั่วต้นตาล ก็มี งวดลงเหลืออยู่เพียงเจ็ดชั่วบุรุษ ก็มี เหลืออยู่เพียงหก-ห้า-สี่-สาม–สอง-หนึ่ง กระทั่งครึ่งชั่วบุรุษ ก็มี งวดลง เหลืออยู่เพียงแค่สะเอว เพียงแค่เข่า เพียงแค่ข้อเท้า กระทั่งเหลืออยู่ ลึกเท่าน้ำในรอยเท้าโค ในที่นั้นๆ เช่นเดียวกับน้ำในรอยเท้าโค เมื่อฝนเม็ดใหญ่เริ่มตกในฤดูสารทลงมาในที่นั้นๆ
ภิกษุทั้งหลาย! เพราะการปรากฏแห่งอาทิตย์ดวงที่ 5 น้ำในมหาสมุทรไม่มีอยู่แม้สักว่าองคุลีเดียว
ภิกษุทั้งหลาย! สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงอย่างนี้ สังขารทั้งหลายไม่ยั่งยืนอย่างนี้ สังขารทั้งหลายเป็นสิ่งที่หวังอะไรไม่ได้อย่างนี้
ภิกษุทั้งหลาย! ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ ก็พอแล้วเพื่อจะเบื่อหน่ายในสังขารทั้งปวง พอแล้วเพื่อจะคลายกำหนัด พอแล้วเพื่อจะหลุดพ้น ดังนี้
ภิกษุทั้งหลาย! มีสมัยซึ่งในกาลบางครั้งบางคราวโดยการล่วงไปแห่งกาลนานไกล อาทิตย์ดวงที่ 6 ย่อมปรากฏ เพราะความปรากฏแห่งอาทิตย์ดวงที่ 6 มหาปฐพีนี้และขุนเขา สิเนรุ ก็มีควันขึ้น ยิ่งขึ้นและยิ่งขึ้น เปรียบเหมือนเตาเผาหม้อ อันนายช่างหม้อสุมไฟแล้ว ย่อมมีควันขึ้นโขมง ยิ่งขึ้นและยิ่งขึ้น ฉะนั้น
ภิกษุทั้งหลาย! สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงอย่างนี้ สังขารทั้งหลายไม่ยั่งยืนอย่างนี้ สังขารทั้งหลายเป็นสิ่งที่หวังอะไรไม่ได้อย่างนี้
ภิกษุทั้งหลาย! ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ ก็พอแล้วเพื่อจะเบื่อหน่ายในสังขารทั้งปวง พอแล้วเพื่อจะคลายกำหนัด พอแล้วเพื่อจะหลุดพ้น ดังนี้
ภิกษุทั้งหลาย! มีสมัยซึ่งในกาลบางครั้งบางคราวโดยการล่วงไปแห่งกาลนานไกล อาทิตย์ดวงที่ 7 ย่อมปรากฏ เพราะความปรากฏแห่งอาทิตย์ดวงที่ 7 มหาปฐพีนี้และขุนเขา สิเนรุ ย่อมมีไฟลุกโพลงๆ มีเปลวเป็นอันเดียวกัน เมื่อมหาปฐพีนี้และขุนเขา สิเนรุ อันไฟเผาอยู่ ไหม้อยู่อย่างนี้ เปลวไฟถูกลมซัดขึ้นไป จนถึงพรหมโลก
ภิกษุทั้งหลาย! เมื่อขุนเขา สิเนรุ ถูกไฟเผาอยู่ ไหม้อยู่ วินาศอยู่ อันกองไฟท่วมทับแล้ว ยอดทั้งหลายอันสูงร้อยโยชน์บ้าง สอง-สาม-สี่-ห้าร้อยโยชน์บ้างก็พังทำลายไป
ภิกษุทั้งหลาย! เมื่อมหาปฐพีนี้และขุนเขา สิเนรุ อันไฟเผาอยู่ ไหม้อยู่ ขี้เถ้าและเขม่า ย่อมไม่ปรากฏเหมือนเมื่อเนยใสหรือน้ำ มันถูกเผา ขี้เถ้าและเขม่า ย่อมไม่ปรากฏ ฉะนั้น
ภิกษุทั้งหลาย! สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงอย่างนี้ สังขารทั้งหลายไม่ยั่งยืนอย่างนี้ สังขารทั้งหลายเป็นสิ่งที่หวังอะไรไม่ได้อย่างนี้
ภิกษุทั้งหลาย! ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ ก็พอแล้วเพื่อจะเบื่อหน่ายในสังขารทั้งปวง พอแล้วเพื่อจะคลายกำหนัด พอแล้วเพื่อจะหลุดพ้น ดังนี้
ภิกษุทั้งหลาย! ในข้อความนั้น ใครจะคิด ใครจะเชื่อว่าปฐพีนี้และขุนเขาสิเนรุจักลุกไหม้ จักวินาศ จักสูญสิ้นไปได้ นอกเสียจาก พวกมีบทอันเห็นแล้ว
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
* * * ( 1 ) 1 โยชน์ = 16 กิโลเมตร
* * * ( ข้างบนนี้-ทั้งหมด ) คัดมาจากหนังสือ พุทธวจน เรื่อง ภพภูมิ / หัวข้อใหญ่ : ความยาวนาน แห่งสังสารวัฏ / หัวข้อย่อย : สิ่งทั้งหลายไม่เที่ยง ( นัยที่ 2 ) / หัวข้อเลขที่ : 118 / -บาลี สตฺตก. อํ. 23/102-105/63. / หน้าที่ : 426 , 427 , 428 , 429 , 430 , 431 , 432
* * * ( ข้างบนนี้-ทั้งหมด ) คัดมาจากหนังสือ พุทธวจน เรื่อง ปฐมธรรม / หัวข้อใหญ่ : ธรรมะกับชีวิต / หัวข้อย่อย : สิ่งทั้งหลายไม่เที่ยง / หัวข้อเลขที่ : 35 / -บาลี สตฺตก. อํ. 23/102-105/63. / หน้าที่ : 91 , 92 , 93 , 94 , 95 , 96
- END -