พุทธวจน - คําสอนจากพระโอษฐ์ พระพุทธเจ้า
เรื่อง สิ่งที่ทุกคนปรารถนาจะได้
เรื่อง สิ่งที่ทุกคนปรารถนาจะได้
คหบดี! ธรรม 4 ประการนี้ น่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ หาได้ยากในโลก ธรรม 4 ประการ เป็นอย่างไรเล่า ? คือ
ขอโภคทรัพย์จงเกิดขึ้นแก่เราโดยทางธรรม
นี้เป็นธรรม ประการที่ 1 อันน่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ หาได้ยากในโลก
เราได้โภคทรัพย์ทั้งหลายโดยทางธรรมแล้ว ขอยศจงเฟื่องฟูแก่เราพร้อมด้วยญาติและมิตรสหาย
นี้เป็นธรรม ประการที่ 2 อันน่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ หาได้ยากในโลก
เราได้โภคทรัพย์ทั้งหลายโดยทางธรรมแล้ว ได้ยศพร้อมด้วยญาติและมิตรสหายแล้ว ขอเราจงเป็นอยู่นาน จงรักษาอายุให้ยั่งยืน
นี้เป็นธรรม ประการที่ 3 อันน่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ หาได้ยากในโลก
เราได้โภคทรัพย์ทั้งหลายโดยทางธรรมแล้ว ได้ยศพร้อมด้วยญาติและมิตรสหายแล้ว เป็นอยู่นานรักษาอายุให้ยั่งยืนแล้ว เมื่อตายแล้ว ขอเราจงเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์
นี้เป็นธรรม ประการที่ 4 อันน่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ หาได้ยากในโลก
คหบดี! ธรรม 4 ประการนี้แล น่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ หาได้ยากในโลก
คหบดี! ธรรม 4 ประการนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อให้ได้ธรรม 4 ประการ อันน่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ หาได้ยากในโลก ธรรม 4 ประการ เป็นอย่างไรเล่า ? คือ
( 1 ) สัทธาสัมปทา ( ความถึงพร้อมด้วยศรัทธา )
( 2 ) สีลสัมปทา ( ความถึงพร้อมด้วยศีล )
( 3 ) จาคสัมปทา ( ความถึงพร้อมด้วยการบริจาค )
( 4 ) ปัญญาสัมปทา ( ความถึงพร้อมด้วยปัญญา )
คหบดี! ก็ สัทธาสัมปทา เป็นอย่างไรเล่า ?
อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ย่อมเป็นผู้มีศรัทธา เชื่อปัญญาตรัสรู้ของตถาคตว่า “เพราะเหตุอย่างนี้ๆ พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น เป็นผู้ไกลจากกิเลส เป็นผู้ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เป็นผู้ไปแล้วด้วยดี เป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง เป็นผู้สามารถฝึกบุรุษที่สมควรฝึกได้อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า เป็นครูผู้สอนของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยธรรม เป็นผู้มีความจำเริญ จำแนกธรรมสั่งสอนสัตว์”
คหบดี! นี้เรียกว่า สัทธาสัมปทา
คหบดี! ก็ สีลสัมปทา เป็นอย่างไรเล่า ?
อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้เว้นขาดจาก ปาณาติบาต เป็นผู้เว้นขาดจาก อทินนาทาน เป็นผู้เว้นขาดจาก กาเมสุมิจฉาจาร เป็นผู้เว้นขาดจาก มุสาวาท เป็นผู้เว้นขาดจาก การดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท
นี้เรียกว่า สีลสัมปทา
คหบดี! ก็ จาคสัมปทา เป็นอย่างไรเล่า ?
อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ มีใจปราศจากมลทิน คือ ความตระหนี่ มีการบริจาคอันปล่อยอยู่เป็นประจำ มีฝ่ามืออันชุ่ม ยินดีในการสละ เป็นผู้ควรแก่การขอ ยินดีในการให้และการแบ่งปัน
นี้เรียกว่า จาคสัมปทา
คหบดี! ก็ ปัญญาสัมปทา เป็นอย่างไรเล่า ?
บุคคลมีใจอันความโลภอย่างแรงกล้า คือ อภิชฌาครอบงำแล้ว ย่อมทำกิจที่ไม่ควรทำ ละเลยกิจที่ควรทำ เมื่อทำกิจที่ไม่ควรทำ และละเลยกิจที่ควรทำเสีย ย่อมเสื่อมจากยศและความสุข
บุคคลมีใจอันพยาบาท ถีนมิทธะ อุทธัจจกุกกุจจะ อัน วิจิกิจฉา ครอบงำ แล้ว ย่อมทำกิจที่ไม่ควรทำ ละเลยกิจที่ควรทำ เมื่อทำกิจที่ไม่ควรทำ และละเลยกิจที่ควรทำเสีย ย่อมเสื่อมจากยศและความสุข
คหบดี! อริยสาวกนั้นแลรู้ว่า อภิชฌาวิสมโลภะ ( ความโลภอย่างแรงกล้า ) เป็นอุปกิเลส ( โทษเครื่องเศร้าหมอง ) แห่งจิต ย่อมละ อภิชฌาวิสมโลภะ อันเป็นอุปกิเลสแห่งจิตเสียได้
รู้ว่า พยาบาท ( คิดร้าย ) ถีนมิทธะ ( ความหดหู่ซึมเซา ) อุทธัจจกุกกุจจะ ( ความฟุ้งซ่านรำคาญ ) วิจิกิจฉา ( ความลังเลสงสัย ) เป็นอุปกิเลสแห่งจิต ย่อมละเสียซึ่งสิ่งที่เป็นอุปกิเลสแห่งจิตเหล่านั้น
คหบดี! เมื่อใดอริยสาวกรู้ว่า อภิชฌาวิสมโลภะ เป็นอุปกิเลสแห่งจิตดังนี้แล้ว เมื่อนั้นย่อมละเสียได้
เมื่อใดอริยสาวกรู้ว่าพยาบาท ถีนมิทธะ อุทธัจจกุกกุจจะ วิจิกิจฉา เป็นอุปกิเลสแห่งจิตดังนี้แล้ว เมื่อนั้นย่อมละสิ่งเหล่านั้นเสียได้
อริยสาวกนี้เราเรียกว่า เป็นผู้มีปัญญามาก มีปัญญาหนาแน่น เป็นผู้เห็นทาง เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยปัญญา
นี้เรียกว่า ปัญญาสัมปทา
คหบดี! ธรรม 4 ประการเหล่านี้แล ย่อมเป็นไปเพื่อให้ได้ธรรม 4 ประการ อันน่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ หาได้ยากในโลก
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
“กามทั้งหลาย
ให้เกิดความยินดีน้อย
มีทุกข์มาก มีความคับแค้นมาก
โทษในเพราะกามนั้น มีเป็นอย่างยิ่ง”
-บาลี มู. ม. 12/180/211.
* * * ( ข้างบนนี้-ทั้งหมด ) คัดมาจากหนังสือ พุทธวจน เรื่อง ฆราวาสชั้นเลิศ / หัวข้อใหญ่ : ฆราวาสชั้นเลิศ / หัวข้อย่อย : สิ่งที่ทุกคนปรารถนาจะได้ / หัวข้อเลขที่ : 5 / -บาลี จตุกฺก. อํ. 21/85/61. / หน้าที่ : 23 , 24 , 25 , 26 , 27 , 28
- END -