พุทธวจน - คําสอนจากพระโอษฐ์ พระพุทธเจ้า
เรื่อง นิพพานที่เห็นได้เอง
เรื่อง นิพพานที่เห็นได้เอง
ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ! คำที่พระโคดมกล่าวว่า ‘นิพพานที่เห็นได้เอง ( สนฺทิฏฺฐิก นิพฺพาน ) นิพพานที่เห็นได้เอง’ ดังนี้
ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ! นิพพานที่เห็นได้เอง ไม่ประกอบด้วยกาล เป็นสิ่งที่กล่าวกับผู้อื่นว่าท่านจงมาดูเถิด เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ใจ เป็นสิ่งที่ผู้รู้ได้เฉพาะตนนั้น มีได้ด้วยเหตุเพียงเท่าไรเล่า พระเจ้าข้า!
พราหมณ์! บุคคลผู้กำหนัดแล้ว อันราคะครอบงำแล้ว มีจิตอันราคะรึงรัดแล้ว ย่อมคิดเพื่อเบียดเบียนตนเองบ้าง ย่อมคิดเพื่อเบียดเบียนผู้อื่นบ้าง ย่อมคิดเพื่อเบียดเบียนทั้งตนเองและผู้อื่นทั้งสองบ้าง ย่อมเสวยเฉพาะซึ่งทุกขโทมนัสอันเป็นไปทางจิตบ้าง เมื่อละราคะได้แล้ว เขาย่อมไม่คิดแม้เพื่อเบียดเบียนตนเอง ย่อมไม่คิดแม้เพื่อเบียดเบียนผู้อื่น ย่อมไม่คิดแม้เพื่อเบียดเบียนตนเองและผู้อื่นทั้งสองอย่าง และย่อมไม่เสวยเฉพาะซึ่งทุกขโทมนัสอันเป็นไปทางจิตโดยแท้
พราหมณ์! นิพพานที่เห็นได้เอง ไม่ประกอบด้วยกาล เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกะผู้อื่นว่า “ท่านจงมาดูเถิด เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ใจ เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน” ย่อมมีได้ แม้ด้วยอาการอย่างนี้แล
พราหมณ์! บุคคลผู้เกิดโทสะแล้ว อันโทสะครอบงำแล้ว มีจิตอันโทสะรึงรัดแล้ว ย่อมคิดเพื่อเบียดเบียนตนเองบ้าง ย่อมคิดเพื่อเบียดเบียนผู้อื่นบ้าง ย่อมคิดเพื่อเบียดเบียนทั้งตนเองและผู้อื่นทั้งสองบ้าง ย่อมเสวยเฉพาะซึ่งทุกขโทมนัสอันเป็นไปทางจิตบ้าง เมื่อละโทสะได้แล้ว เขาย่อมไม่คิดแม้เพื่อเบียดเบียนตนเอง ย่อมไม่คิดแม้เพื่อเบียดเบียนผู้อื่น ย่อมไม่คิดแม้เพื่อเบียดเบียนตนเองและผู้อื่นทั้งสองอย่าง และย่อมไม่เสวยเฉพาะซึ่งทุกขโทมนัสอันเป็นไปทางจิตโดยแท้
พราหมณ์! นิพพานที่เห็นได้เอง ไม่ประกอบด้วยกาล เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกะผู้อื่นว่า “ท่านจงมาดูเถิด เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ใจ เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน” ย่อมมีได้ แม้ด้วยอาการอย่างนี้แล
พราหมณ์! บุคคลผู้มีโมหะแล้ว อันโมหะครอบงำแล้ว มีจิตอันโมหะรึงรัดแล้ว ย่อมคิดเพื่อเบียดเบียนตนเองบ้าง ย่อมคิดเพื่อเบียดเบียนผู้อื่นบ้าง ย่อมคิดเพื่อเบียดเบียนทั้งตนเองและผู้อื่นทั้งสองบ้าง ย่อมเสวยเฉพาะซึ่งทุกขโทมนัสอันเป็นไปทางจิตบ้าง เมื่อละโมหะได้แล้ว ย่อมไม่คิดแม้เพื่อเบียดเบียนตนเอง ย่อมไม่คิดแม้เพื่อเบียดเบียนผู้อื่น ย่อมไม่คิดแม้เพื่อเบียดเบียนตนเองและผู้อื่นทั้งสองอย่าง และย่อมไม่เสวยเฉพาะซึ่งทุกขโทมนัสอันเป็นไปในทางจิตโดยแท้
พราหมณ์! นิพพานที่เห็นได้เอง ไม่ประกอบด้วยกาล เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกะผู้อื่นว่า “ท่านจงมาดูเถิด เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ใจ เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน” ย่อมมีได้ แม้ด้วยอาการอย่างนี้แล
พราหมณ์! เมื่อใดแล ผู้นี้ ย่อมเสวยเฉพาะซึ่งความสิ้นไปแห่งราคะ อันหาเศษเหลือมิได้ ย่อมเสวยเฉพาะซึ่งความสิ้นไปแห่งโทสะ อันหาเศษเหลือมิได้ ย่อมเสวยเฉพาะซึ่งความสิ้นไปแห่งโมหะ อันหาเศษเหลือมิได้
พราหมณ์เอย! เมื่อนั้น นิพพานที่เห็นได้เอง ไม่ประกอบด้วยกาล เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกะผู้อื่นว่า “ท่านจงมาดูเถิด เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ใจ เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน” ย่อมมีได้ ด้วยอาการอย่างนี้แล
* * * ( ข้างบนนี้-ทั้งหมด ) คัดมาจากหนังสือ พุทธวจน เรื่อง ภพภูมิ / หัวข้อใหญ่ : นิพพาน / หัวข้อย่อย : นิพพานที่เห็นได้เอง / หัวข้อเลขที่ : 124 / -บาลี ติก. อํ. 20/202/495. / หน้าที่ : 446 , 447 , 448 , 449
- END -